ข่าวแจก
เรียกร้องยุติความรุนแรงต่อเด็กและสตรี
วันที่ ๒๕ พฤศจิกายน ถึง ๑๐ ธันวาคม ของทุกปี ถือเป็นวันที่องค์กรด้านผู้หญิ
งทั่วโลกกำหนดให้เป็นวันสากลแห่
งการยุติความรุนแรงต่อผู้หญิ
งและเด็กหญิง เพื่อรณรงค์ให้ประชากรโลกตระหนั
กถึงความร้ายแรง และผลกระทบของการใช้ความรุ
นแรงต่อผู้หญิงและเด็กหญิง แต่ดูเหมือนว่าแม้จะมีการรณรงค์
อย่างต่อเนื่องแต่ปัญหาความรุ
นแรงต่อผู้หญิงยังไม่มีแนวโน้
มจะลดลง โดยเฉพาะความรุนแรงในครอบครัว และความรุนแรงจากการล่วงละเมิ
ดทางเพศ คณะอนุกรรมการด้านสิทธิสตรี
ในคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่
งชาติพบว่า สถิติตัวเลขผู้หญิงที่เป็นผู้
เสียหายจากความรุนแรงทางเพศซึ่
งไปแจ้งความดำเนินคดีที่สถานี
ตำรวจ มีจำนวนน้อยกว่าตัวเลขของผู้หญิ
งที่ได้รับความรุนแรงที่เข้ารั
บการรักษาพยาบาลทั้งร่
างกายและจิตใจ จากสถานพยาบาลต่างๆ ทำให้เห็นว่าผู้เสี
ยหายจากความรุนแรงทางเพศส่
วนใหญ่ยังไม่สามารถเข้าถึ
งความยุติธรรมและการฟื้นฟูเยี
ยวยา
แม้ปัจจุบันรัฐบาลได้ให้
ความสำคัญในการขจัดความรุนแรงต่
อผู้หญิง โดยมีการปรับปรุงกฎหมายที่คุ้
มครองสิทธิมนุษยชนของผู้หญิ
งในการเข้าถึงกระบวนการยุติธรรม แต่ยังมีข้อจำกัดบางประการที่
ทำให้ผู้หญิงยังไม่สามารถเข้าถึ
งความยุติธรรมได้อย่างแท้จริง เช่น พระราชบัญญัติคุ้มครองผู้ถู
กกระทำด้วยความรุนแรงในครอบครัว พ.ศ. ๒๕๕๐ ซึ่งกำหนด คำนิยาม คำจำกัดความของบุคคลในครอบครั
วมีความคลุมเครือ และไม่ครอบคลุมบุคคลทุ
กคนในครอบครัว อีกทั้งกฎหมายยังเปิดโอกาสให้มี
การยอมความได้ทุกขั้นตอนโดยให้
บทบาท ผู้ประนีประนอมในศาลในการทำข้
อตกลงและให้ศาลใช้ดุลยพินิ
จในการยกเลิกการดำเนินคดี มากกว่าที่จะรับฟังความต้
องการของผู้เสียหายเป็นลำดั
บแรกหรือ พระราชบัญญัติความเท่าเที
ยมระหว่างเพศ พ.ศ. ๒๕๕๘ ซึ่งกำหนดข้อยกเว้นให้มีการเลื
อกปฏิบัติ
ปัญหาต่างๆที่คณะอนุกรรมการฯพบ เช่น จำนวนพนักงานสอบสวนหญิงยังมีน้
อยอีกทั้งพนักงานสอบสวนหญิ
งบางส่วนไม่มีความรู้ความเข้าใจ และความเชี่ยวชาญอย่างเพี
ยงพอเกี่ยวกับความละเอียดอ่
อนทางเพศ และแม้มีการแก้ไขกฎหมายวิธีพิ
จารณาความอาญา โดยเปิดโอกาสให้ผู้เสียหายในคดี
ความผิดเกี่ยวกับเพศ สามารถร้องขอให้มีผู้อยู่ร่วมด้
วยในระหว่างการสอบสวน ให้มีสถานที่ที่เหมาะสมและคำนึ
งถึงความปลอดภัยของผู้เสี
ยหายในการชี้ตัวผู้ต้องหา อีกทั้งให้มีการสืบพยานโดยไม่
เผชิญหน้าจำเลยได้ แต่ยังคงมีอุปสรรค เพราะผู้เสียหายต้องเป็นฝ่ายร้
องขอ ทำให้ผู้หญิงที่ไม่รู้กฎหมายไม่
สามารถเข้าถึงการคุ้
มครองทางกฎหมายได้อย่างแท้จริง
นอกจากนั้นพบว่าผู้หญิงกลุ่
มเฉพาะ เช่น หญิงกลุ่มชาติพันธุ์ หญิงพิการ หญิงในฐานะผู้อพยพและผู้ลี้ภัย หญิงทำงานบ้าน หรือหญิงข้ามเพศ รวมถึงผู้หญิงนักปกป้องสิทธิมนุ
ษยชน ต้องเผชิญกับความรุนแรงซ้ำซ้
อนจากทัศนคติ ค่านิยม และวัฒนธรรมทางสังคม
การข่มขืน และปัญหาผู้กระทำผิดลอยนวล ยังคงเป็นปัญหาสำคัญของสังคมไทย ล่าสุดมีรายงานการฉุด การลักพาตัวนักศึกษาหญิงไปข่มขื
น และทำอนาจาร โดยไม่สามารถนำผู้กระทำผิ
ดมาลงโทษได้ การข่มขืนสร้างความทุกข์
ทรมานแก่ผู้เสียหายและครอบครั
วมาก นอกจากทำให้เกิดความอับอายแล้ว การข่มขืนยังทำให้ผู้หญิงรู้สึ
กสูญเสียอัตลักษณ์ และคุณค่าของตนเอง ผู้เสียหายหลายคนมีปัญหาซึมเศร้
า และไม่สามารถกลับมาใช้ชีวิตในสั
งคมได้อย่างปกติ
ในนามของคณะอนุกรรมการด้านสิทธิ
สตรี จึงมีข้อเสนอแนะต่อรัฐบาล คือ
๑. ควรเพิ่มมาตรการในการเสริมสร้
างความรู้ความเข้าใจแก่ผู้บังคั
บใช้กฎหมายและบุ
คลากรในกระบวนการยุติธรรม ให้มีความรู้ ความเข้าใจเกี่ยวกับความละเอี
ยดอ่อนทางเพศ การเคารพในความเสมอภาคระหว่
างเพศ และสิทธิมนุษยชนของผู้หญิง ที่สอดคล้องกับอนุสัญญาว่าด้
วยการขจัดการเลือกปฏิบัติต่
อสตรีทุกรูปแบบ(CEDAW) ขององค์การสหประชาชาติ เพื่อสามารถคุ้มครองผู้หญิ
งและเด็กหญิงได้อย่างมีประสิทธิ
ภาพ
๒. ให้มีหลักประกันในการเข้าถึ
งความยุติธรรมของผู้หญิงและเด็
กหญิง โดยกระบวนการยุติธรรมต้องเป็นมิ
ตรกับผู้หญิง มีกระบวนการการให้คำปรึกษาเพื่
อให้ผู้หญิงมีความมั่นใจในการต่
อสู้คดีที่เกี่ยวกับความรุ
นแรงทางเพศ พร้อมทั้งให้มีการฟื้นฟูเยี
ยวยาผู้เสียหายและครอบครัว เพื่อให้กลับมาใช้ชีวิตในสั
งคมได้อย่างปกติ
๓. เร่งรัดให้หน่วยงานราชการ และองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่
นดำเนินการตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่
อวันที่ ๑๖ มิถุนายน ๒๕๕๘ เรื่องการป้องกันและแก้ไขการล่
วงละเมิดทางเพศในสถานที่
ทำงานอย่างเป็นรูปธรรม เคร่งครัด ครบถ้วน เป็นธรรมต่อผู้ถูกล่วงละเมิ
ดทางเพศและคำนึงถึงหลักการสิทธิ
มนุษยชนของผู้หญิง
๔. รับประกันในการเพิ่มสัดส่
วนของผู้หญิงในการมีส่วนร่
วมในการตัดสินใจ และส่วนร่วมทางการเมืองทุกระดับ เพื่อให้ผู้หญิงสามารถนำเสนอปั
ญหา และแนวทางแก้ไขปัญหาเกี่ยวกั
บความรุนแรง รวมถึงปัญหาต่างๆ เช่น ปัญหาความยากจน หรือปัญหาทางเศรษฐกิจ สังคม และวัฒนธรรมที่เกี่ยวข้องกับผู้
หญิง
นางอังคณา นีละไพจิตร
กรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ
ประธานอนุกรรมการด้านสิทธิสตรี
๒๔ พฤศจิกายน ๒๕๕๙