กสม. ร่วมภาคีเครือข่าย จัดเวิร์กช็อปผลิตภาพยนตร์สั้นประเด็นสิทธิมนุษยชนวันที่สอง นักวิชาการชูปัญหาผังเมือง – การจัดการขยะ สะท้อนปัญหาละเมิดสิทธิฯ
วันที่ ๒๑ กรกฎาคม ๒๕๖๐ ที่รอยัลฮิลล์ กอล์ฟ รีสอร์ท แอนด์ สปา จังหวัดนครนายก สำนักงานคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ ร่วมกับ สำนักเครือข่ายสื่อสาธารณะ สถานีโทรทัศน์ไทยพีบีเอส และ แอมเนสตี้ อินเตอร์เนชั่นแนล ประเทศไทย จัดการสัมมนาเชิงปฏิบัติการเตรียมความพร้อมในประเด็นเนื้อหาด้านสิทธิมนุษยชนภายใต้โครงการผลิตสื่อสารคดีส่งเสริมสิทธิมนุษยชน หรือ สื่อศิลป์ปี ๕ ตอน “Human Rights แลต๊ะแลใต้” ระหว่างวันที่ ๒๐ – ๒๓ กรกฎาคม ๒๕๖๐ ณ โดยวันนี้ (๒๑ ก.ค. ๖๐) เป็นวันที่สองของการจัดกิจกรรม
กิจกรรมช่วงเช้าเริ่มต้นด้วยกระบวนการสันทนาการให้ความรู้และสร้างความตระหนักเรื่องสิทธิมนุษยชน ต่อด้วยการให้ความรู้และเทคนิคในการถ่ายทำภาพยนตร์สารคดีสั้นจากทีมผู้กำกับมืออาชีพ และการฉายภาพยนตร์สารคดีสั้นตัวอย่างในประเด็นสิทธิมนุษยชน
จากนั้นช่วงบ่าย มีการบรรยายให้ความรู้หัวข้อ ‘สิทธิมนุษยชนกับการพัฒนาชุมชนเมือง’ โดย ดร.สมนึก จงมีวศิน นักวิชาการสิ่งแวดล้อม และอนุกรรมการด้านสิทธิชุมชนและฐานทรัพยากร สรุปได้ว่า กระบวนการจัดทำผังเมืองของแต่ละจังหวัดที่ล่าช้า ตลอดจนการวางผังประเทศล่วงหน้าหลายสิบปีซึ่งมุ่งสู่การเป็นสังคมอุตสาหกรรมโดยขาดการมีส่วนร่วมวางอนาคตจากประชาชนนั้น ส่งผลให้เกิดปัญหาพื้นที่อุตสาหกรรมรุกพื้นที่เกษตรในวงกว้าง นอกจากนี้ปัญหาสำคัญหนึ่งอันเกิดจากการขยายของชุมชนเมืองคือ ปัญหาขยะ ซึ่งครึ่งหนึ่งของปริมาณขยะในประเทศเป็นขยะที่ย่อยสลายไม่ได้ เช่น พลาสติก ที่ต้องใช้กว่า ๕๐๐ ปีในการทำลาย ส่งผลกระทบอย่างมากต่อระบบนิเวศสิ่งแวดล้อม อย่างไรก็ดีประเทศไทยยังไม่มีระบบการจัดการขยะที่มีประสิทธิภาพ ขณะที่ภาครัฐก็ยังไม่ส่งเสริมการใช้ไบโอโฟม-ไบโอพลาสติกอย่างเป็นรูปธรรม ฉะนั้น จิตสำนึกของพลเมืองเรื่องการจัดการขยะด้วยตนเองจึงเป็นสิ่งสำคัญ "การจัดการขยะเป็นการจัดการตัวเราเองไม่ให้ไปละเมิดคนอื่นด้วยการสร้างขยะ" ดร.สมนึก กล่าว
อนึ่ง โครงการดังกล่าวเป็นการประกวดผลิตภาพยนตร์สารคดีสั้น โดยปีนี้ได้กำหนดประเด็นเนื้อหาเกี่ยวกับสถานการณ์สิทธิมนุษยชนในพื้นที่ภาคใต้ มีผู้สมัครที่ผ่านการคัดเลือกเข้าร่วมโครงการทั้งสิ้น ๔๖ ทีม แบ่งเป็นประเภทเยาวชน ๓๑ ทีม และประเภทประชาชน ๑๕ ทีม รวมจำนวนทั้งสิ้น ๑๒๑ คน ในการเข้าร่วมกิจกรรมครั้งนี้ ผู้สมัครจะได้รับอบรมให้ความรู้ด้านสิทธิมนุษยชนและกระบวนการผลิตภาพยนตร์สั้นจากวิทยากรผู้ทรงคุณวุฒิและทีมผู้กำกับภาพยนตร์มากประสบการณ์ หลังจากนั้นคณะกรรมการจะคัดเลือกผู้สมัครเหลือ ๑๐ ทีม เพื่อเข้าสู่การแข่งขันในรอบต่อไป