เมื่อวันที่ 17 กันยายน 2567 ที่โรงแรมแทนเจอรีน วิลล์ อำเภอฝาง จังหวัดเชียงใหม่ สำนักงานคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ (สำนักงาน กสม.) ร่วมกับกระทรวงศึกษาธิการ กรมการปกครอง กรมพินิจและคุ้มครองเด็กและเยาวชน มูลนิธิเครือข่ายสถานะบุคคล และองค์การแพลนอินเตอร์เนชั่นแนล (ประเทศไทย) จัดประชุมเชิงปฏิบัติการภายใต้โครงการคลินิกสิทธิมนุษยชนเพื่อการคุ้มครองด้านสิทธิมนุษยชน ครั้งที่ 5 เรื่อง การแก้ไขปัญหาสถานะบุคคล สำหรับนักเรียนที่ไม่มีสถานะทางทะเบียนราษฎรหรือไม่มีสัญชาติไทย (เด็กนักเรียนรหัส G) โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อให้เด็กนักเรียนในกลุ่มข้างต้นได้เข้าสู่ระบบการกำหนดสถานะทางทะเบียน ซึ่งจะนำไปสู่การได้รับสิทธิและสวัสดิการขั้นพื้นฐานจากรัฐ เช่น สิทธิในการศึกษา สิทธิในหลักประกันสุขภาพ สิทธิในการทำงาน และเสรีภาพในการเดินทาง ตลอดจนเพื่อมุ่งแก้ไขปัญหาสิทธิและสถานะบุคคลไร้รัฐไร้สัญชาติในประเทศไทย

          ในการประชุมเชิงปฏิบัติการดังกล่าว มีการอภิปรายหัวข้อ แนวทางบูรณาการการทำงานร่วมกันระหว่างภาคีเครือข่ายกับหน่วยงานของรัฐ ในการพัฒนาสถานะของเด็กนักเรียนรหัส G อำเภอไชยปราการ โดยมีผู้แทนจากหน่วยงานภาครัฐและภาคประชาสังคมร่วมเป็นวิทยากร ประกอบด้วย นายอภิรักต์  พุ่มจำปา ปลัดอำเภอฝ่ายทะเบียนราษฎรและสัญชาติ นางสาวกิติพร  บุญอ่ำ นักวิชาการสิทธิมนุษยชนเชี่ยวชาญ สำนักงาน กสม. นายอิทธิกร  ช่างสากล ผู้อำนวยการศูนย์เทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร สำนักงานปลัดกระทรวงศึกษาธิการ (สป.ศธ.) นายสันติพงษ์  มูลฟอง ผู้จัดการมูลนิธิเครือข่ายสถานะบุคคล นายสุมิตร  วอพะพอ ผู้จัดการงานขับเคลื่อนงานด้านนโยบาย องค์การแพลนอินเตอร์เนชั่นแนล (ประเทศไทย) และร่วมแลกเปลี่ยนประสบการณ์การแก้ไขปัญหาเด็กนักเรียนรหัส G กับผู้แทนจากโรงเรียนบ้านสินชัย โรงเรียนบ้านผาแดง โรงเรียนบ้านห้วยไผ่ โรงเรียนบ้านใหม่หนองบัว โรงเรียนชุมชนวัดศรีดงเย็น ในพื้นที่อำเภอไชยปราการ รวมถึงการซักซ้อมแนวทางในการสอบข้อเท็จจริงประกอบการจัดทำทะเบียนประวัติบุคคลที่ไม่มีสถานะทางทะเบียนสำหรับเด็กนักเรียนรหัส G โดยมีผู้เข้าร่วมกิจกรรมดังกล่าวจำนวน 60 คน

          ทั้งนี้ การดำเนินการในครั้งนี้ มุ่งเน้นการบูรณาการการทำงานร่วมกันระหว่างหน่วยงานภาครัฐและภาคประชาสังคม และมุ่งขจัดความเป็นบุคคลไร้รัฐไร้สัญชาติ เพื่อให้คนทุกคนเข้าถึงการยอมรับว่ามีตัวตนในที่ทุกแห่งหน โดยประสานความร่วมมือหรือแสวงหาความร่วมมือกับหน่วยงานภาครัฐ องค์กรเอกชน และภาคประชาสังคม ในการส่งเสริมและคุ้มครองสิทธิมนุษยชนอย่างเป็นระบบ