เมื่อวันที่ 20 พฤศจิกายน 2567 ที่ United Nations Conference Centre กรุงเทพมหานคร นายวสันต์  ภัยหลีกลี้ กรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ ร่วมบรรยายในการประชุม Asia-Pacific Ministerial Conference on the Beijing+30 Review จัดโดย UNODC มีวัตถุประสงค์เพื่อประเมินความก้าวหน้า ความท้าทายอุบัติใหม่ และนำเสนอนโยบายเพื่อจัดการสาเหตุของความไม่เท่าเทียมระหว่างเพศ อาทิ ความเหลื่อมล้ำทางเศรษฐกิจ ความรุนแรงบนฐานของเพศสภาพ (gender-based violence) รวมถึงผลักดันการดำเนินการเพื่อเพิ่มความเท่าเทียมทางเพศ และสนับสนุนสิทธิของผู้หญิงและเด็กหญิงในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก ในวาระครบรอบ 30 ปี แห่ง Beijing Declaration and Platform for Action ที่กำลังจะมาถึง ทั้งนี้ การประชุมดังกล่าวมีผู้เข้าร่วมการประชุมจากหน่วยงานภาครัฐ องค์กรทั้งในและระหว่างประเทศ เยาวชน ภาคประชาสังคม ภาคเอกชน รวมถึงหน่วยงานสหประชาชาติ

          ในโอกาสนี้ กรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติร่วมเป็นวิทยากรบรรยายในหัวข้อ “Inclusive Justice: Gender, Corruption and Good Governance – Experience from Indonesia, the Philippines and Thailand” โดยกล่าวถึงบทบาทหน้าที่ของคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ (กสม.) และสถานการณ์ของนักปกป้องสิทธิมนุษยชนในประเทศไทย โดยเฉพาะนักปกป้องสิทธิมนุษยชนหญิงและ LGBTQIA+ (บุคคลที่มีความหลากหลายทางเพศ) ที่เผชิญความเสี่ยงจากการข่มขู่คุกคาม การกระทำความรุนแรง รวมถึงการบังคับให้หายสาบสูญ และได้หยิกยกกรณีตัวอย่างที่กลุ่มคนดังกล่าวต้องเผชิญ อาทิ นักปกป้องสิทธิมนุษยชน LGBTQIA+ ถูกฟ้องปิดปากด้วยความผิดฐานหมิ่นประมาทเมื่อออกมาปกป้องหรือเรียกร้องสิทธิให้ผู้อื่น ซึ่งจากการติดตามสถานการณ์ของ กสม. พบว่า การคุกคามส่วนมากจะเป็นรูปแบบของการกระทำละเมิดผ่านทางออนไลน์ (cyberbullying) และการคุกคามโดยใช้ Pegasus spyware ส่วนกรณีการฟ้องปิดปาก พบว่ามีพัฒนาการที่สำคัญ ปรากฏตามคำพิพากษาที่ศาลยกฟ้องนักปกป้องสิทธิมนุษยชนที่ชุมนุมเพื่อรักษาประโยชน์สาธารณะ โดย กสม. ได้ลงพื้นที่จากกรณีที่ได้รับเรื่องร้องเรียนเพื่อให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องกำหนดมาตรการโดยการตรวจเยี่ยมบ้านเพื่อคุ้มครองความปลอดภัยให้กับนักปกป้องสิทธิมนุษยชนที่ถูกข่มขู่