เมื่อวันที่ 10 กุมภาพันธ์ 2565 เวลา 13.00 น. นางสาวศยามล ไกยูรวงศ์ กรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ ร่วมเป็นวิทยากรในเวทีสาธารณะ หัวข้อ”ตีแผ่ร่างกฎหมายควบคุมภาคประชาสังคมต่อประเด็นสิทธิมนุษยชนและผลกระทบ” จัดโดยแอมเนสตี้ อินเตอร์เนชั่นแนล ประเทศไทยและเครือข่ายคัดค้านร่างกฎหมายควบคุมภาคประชาชน
          ในการนี้ กสม. ได้กล่าวถึง หลักการและข้อเสนอแนะในการแก้ไขปรับปรุงกฎหมายเพื่อให้สอดคล้องกับหลักสิทธิมนุษยชน กรณีร่างพระราชบัญญัติว่าด้วยการดำเนินกิจกรรมขององค์กรไม่แสวงหาผลกำไร และส่งไปยังคณะรัฐมนตรี (ครม.) เมื่อวันที่ 22 พฤศจิกายน 2564 ก่อนที่คณะรัฐมนตรีจะเห็นชอบในหลักการของร่างกฎหมายเมื่อวันที่ 4 มกราคม 2565 กสม. เห็นว่าองค์กรภาคประชาสังคมเติบโตขึ้นไปพร้อมกับการพัฒนาประเทศชาติ การออกกฎหมายต้องมองในเรื่องของความมั่งคงของมนุษย์ที่เป็นหุ้นส่วนของการพัฒนา โดยเฉพาะในช่วงที่มีการระบาดของโควิด 19 ภาคประชาสังคมมีบทบาทมากในการเข้าไปช่วยเหลือ โดยเรื่องร้องเรียนของ กสม. ส่วนใหญ่ได้รับข้อมูลมาจากภาคประชาสังคมเพื่อให้เกิดการคุ้มครองสิทธิมนุษยชน
          ทั้งนี้ กสม.ได้ตระหนักถึงมาตรา 77 รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทยว่า การออกกฎหมายใดๆ จะต้องออกมาเท่าที่จำเป็น และไม่เป็นภาระแก่ประชาชน โดยเฉพาะกรณีการจดทะเบียนองค์กรต่างๆก็มีกฎหมายเฉพาะอยู่แล้ว รัฐบาลสามารถที่จะตรวจสอบได้ ถ้ารัฐบาลเห็นว่า องค์กรใดๆมีการกระทำผิดกฎหมายก็สามารถฟ้องร้องทางศาลได้ตามกฎหมายเฉพาะนั้นอยู่แล้ว ดังนั้น กฎหมายกลางที่ออกมา จะต้องไม่เป็นการซ้ำซ้อนกับกฎหมายเฉพาะ  หรือหากกฎหมายเฉพาะที่มีการส่งเสริมและควบคุมอยู่แล้วก็ไม่มีความจำเป็นต้องออกกฎหมายกลาง