เมื่อวันที่ 26 กรกฎาคม 2567 เวลา 09.00 น. ที่คณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยทักษิณ วิทยาเขตพัทลุง นางปรีดา  คงแป้น และนางสาวศยามล  ไกยูรวงศ์ กรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ พร้อมด้วยนายไพโรจน์  พลเพชร นางสาวมณีรัตน์  มิตรปราสาท ที่ปรึกษาประจำคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ นางสาวรตญา  กอบศิริกาญจน์ รองเลขาธิการคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ และนายอัตถพงษ์  ฉันทานุมัติ พยานผู้เชี่ยวชาญ และเจ้าหน้าที่สำนักงานคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติพื้นที่ภาคใต้ (สำนักงาน กสม. พื้นที่ภาคใต้) จัดเวทีสาธารณะเพื่อรับฟังข้อเท็จจริงและสะท้อนความคิดเห็นของประชาชน ภาคประชาสังคม และหน่วยงานของรัฐ เรื่อง สิทธิชุมชนกับการมีส่วนร่วมในการบริหารจัดการทรัพยากรน้ำ จังหวัดพัทลุง โดยเวทีดังกล่าวมีประชาชนผู้มีส่วนได้ส่วนเสีย ประชาชนทั่วไป ภาคประชาสังคม สถาบันวิชาการ และหน่วยงานของรัฐที่เกี่ยวข้อง เช่น จังหวัดพัทลุง กองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในภาค 4 ส่วนหน้า (กอ.รมน.ภาค 4) สำนักงานชลประทานที่ 16 สำนักงานทรัพยากรน้ำที่ 8 สำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติ ภาค 4 สำนักงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัดพัทลุง สำนักงานทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมจังหวัดพัทลุง สำนักงานประมงจังหวัดพัทลุง สำนักงานเจ้าท่าภูมิภาคที่ 4 (สงขลา) อำเภอตะโหมด องค์การบริหารส่วนตำบลในพื้นที่ มูลนิธิอุทกพัฒน์ มหาวิทยาลัยทักษิณ เข้าร่วม

          สำหรับเวทีในครั้งนี้ หน่วยงานของรัฐที่เกี่ยวข้องได้ชี้แจงข้อมูลข้อเท็จจริงเกี่ยวกับหน้าที่และอำนาจในการดูแลรักษาทรัพยากรน้ำและแผนงานโครงการพัฒนาแหล่งน้ำในพื้นที่พัทลุง ซึ่งประชาชนผู้เข้าร่วมได้มีส่วนร่วมในการสะท้อนผลกระทบของโครงการพัฒนาแหล่งน้ำ การได้รับข้อมูลข่าวสาร และการมีส่วนร่วมของประชาชนต่อโครงการต่าง ๆ ของรัฐที่ผ่าน โดยเฉพาะอย่างยิ่งการแสดงความคิดเห็นและข้อเสนอแนะ เพื่อให้เกิดแผนการพัฒนาแหล่งน้ำจังหวัดพัทลุงอย่างเป็นรูปธรรม อย่างไรก็ตาม กรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติได้สร้างความรู้ความเข้าใจกับประชาชนผู้มีส่วนได้ส่วนเสียเพื่อให้รับรู้ถึงสิทธิชุมชน และเน้นย้ำให้หน่วยงานของรัฐที่เกี่ยวข้องคำนึงถึงความสำคัญของสิทธิชุมชนและการมีส่วนร่วมของประชาชนในการจัดการ บำรุงรักษา และใช้ประโยชน์จากทรัพยากรธรรมชาติ สิ่งแวดล้อม และความหลากหลายทางชีวภาพอย่างสมดุลและยั่งยืน การศึกษาวิเคราะห์ความคุ้มค่าและผลกระทบที่อาจเกิดขึ้นต่อสิ่งแวดล้อมและวิถีชีวิตของชุมชนอย่างรอบด้าน รวมทั้งการมีส่วนร่วมของทุกภาคส่วนในการจัดทำแผนการพัฒนาแหล่งน้ำจังหวัดพัทลุงอย่างมีประสิทธิภาพต่อไป