แถลงการณ์คณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ
เรื่อง รัฐบาลและเครือข่ายประชาชนฯ ร่วมหาทางออกกรณีโรงไฟฟ้าถ่านหินกระบี่-เทพา
เรื่อง รัฐบาลและเครือข่ายประชาชนฯ ร่วมหาทางออกกรณีโรงไฟฟ้าถ่านหินกระบี่-เทพา
สืบเนื่องจากการชุมนุมคัดค้านโรงไฟฟ้าถ่านหินกระบี่ – เทพา ของประชาชนเครือข่ายปกป้องสองฝั่งทะเล กระบี่-เทพา ยุติโรงไฟฟ้าถ่านหิน ด้วยการอดอาหารและเสนอข้อเรียกร้องต่อรัฐบาล ณ บริเวณหน้าสำนักงานองค์การสหประชาชาติ ตั้งแต่วันที่ ๑๒ กุมภาพันธ์ ๒๕๖๑ กระทั่งถึงวันนี้ ได้มีการลงนามระหว่างรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงานกับผู้แทนเครือข่ายฯ เพื่อหาทางออกของปัญหาร่วมกัน และให้จัดทำรายงานประเมินผลกระทบสิ่งแวดล้อมเชิงยุทธศาสตร์ (Strategic environmental assessment : SEA) เพื่อพิจารณาความเหมาะสมของโครงการก่อน เป็นผลให้เครือข่ายฯ ยุติการชุมนุม นั้น
คณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ (กสม.) ในฐานะองค์กรที่มีหน้าที่และอำนาจตามรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทยพุทธศักราช ๒๕๖๐ มาตรา ๒๔๗ (๓) เสนอแนะมาตรการหรือแนวทางที่เหมาะสมในการป้องกันหรือแก้ไขการละเมิดสิทธิมนุษยชนต่อรัฐสภา คณะรัฐมนตรี และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ได้ติดตามสถานการณ์การชุมนุมคัดค้านโรงไฟฟ้าถ่านหินกระบี่ – เทพา และแสดงความห่วงกังวลต่อประเด็นปัญหามาอย่างต่อเนื่อง จึงมีความคิดเห็นและข้อเสนอแนะต่อภาคส่วนต่าง ๆ ดังนี้
๑. ขอแสดงความชื่นชมรัฐบาลที่รับฟังความคิดเห็นของประชาชนที่จะได้รับผลกระทบจากโครงการดังกล่าว และขอชื่นชมประชาชนที่ยึดมั่นในเสรีภาพในการชุมนุมโดยสันติและปราศจากอาวุธ
๒. กระบวนการจัดทำรายงานประเมินผลกระทบสิ่งแวดล้อมเชิงยุทธศาสตร์ (SEA) ซึ่งจะเป็นประโยชน์ต่อการตัดสินใจในการกำหนดทิศทางการพัฒนาเชิงนโยบาย จำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องกำหนดหลักเกณฑ์และกระบวนการศึกษา รวมทั้งการมีส่วนร่วมที่แท้จริงของผู้ได้รับผลกระทบและประชาชนเพื่อให้ผลการศึกษาเป็นที่ยอมรับของทุกฝ่าย
ทั้งนี้ กสม. ขอยืนยันในหลักการสิทธิการมีส่วนร่วมของประชาชนในโครงการพัฒนาของรัฐ เสรีภาพในการแสดงความคิดเห็นและการชุมนุมอย่างสันติ ซึ่งการชุมนุมคัดค้านกรณีโรงไฟฟ้าถ่านหินกระบี่-เทพาเป็นตัวอย่างที่ดีที่แสดงให้เห็นว่า การที่รัฐบาลให้ประชาชนใช้เสรีภาพในการแสดงความคิดเห็นและชุมนุมอย่างสันติ ไม่ใช่เรื่องน่าหวาดกลัว และการใช้วิธีเจรจาแบบสันติวิธีจะสามารถประสานความคิดเห็นที่แตกต่างไปสู่ผลิตผลที่สร้างสรรค์และเป็นประโยชน์ต่อประเทศได้
คณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ (กสม.) ในฐานะองค์กรที่มีหน้าที่และอำนาจตามรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทยพุทธศักราช ๒๕๖๐ มาตรา ๒๔๗ (๓) เสนอแนะมาตรการหรือแนวทางที่เหมาะสมในการป้องกันหรือแก้ไขการละเมิดสิทธิมนุษยชนต่อรัฐสภา คณะรัฐมนตรี และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ได้ติดตามสถานการณ์การชุมนุมคัดค้านโรงไฟฟ้าถ่านหินกระบี่ – เทพา และแสดงความห่วงกังวลต่อประเด็นปัญหามาอย่างต่อเนื่อง จึงมีความคิดเห็นและข้อเสนอแนะต่อภาคส่วนต่าง ๆ ดังนี้
๑. ขอแสดงความชื่นชมรัฐบาลที่รับฟังความคิดเห็นของประชาชนที่จะได้รับผลกระทบจากโครงการดังกล่าว และขอชื่นชมประชาชนที่ยึดมั่นในเสรีภาพในการชุมนุมโดยสันติและปราศจากอาวุธ
๒. กระบวนการจัดทำรายงานประเมินผลกระทบสิ่งแวดล้อมเชิงยุทธศาสตร์ (SEA) ซึ่งจะเป็นประโยชน์ต่อการตัดสินใจในการกำหนดทิศทางการพัฒนาเชิงนโยบาย จำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องกำหนดหลักเกณฑ์และกระบวนการศึกษา รวมทั้งการมีส่วนร่วมที่แท้จริงของผู้ได้รับผลกระทบและประชาชนเพื่อให้ผลการศึกษาเป็นที่ยอมรับของทุกฝ่าย
ทั้งนี้ กสม. ขอยืนยันในหลักการสิทธิการมีส่วนร่วมของประชาชนในโครงการพัฒนาของรัฐ เสรีภาพในการแสดงความคิดเห็นและการชุมนุมอย่างสันติ ซึ่งการชุมนุมคัดค้านกรณีโรงไฟฟ้าถ่านหินกระบี่-เทพาเป็นตัวอย่างที่ดีที่แสดงให้เห็นว่า การที่รัฐบาลให้ประชาชนใช้เสรีภาพในการแสดงความคิดเห็นและชุมนุมอย่างสันติ ไม่ใช่เรื่องน่าหวาดกลัว และการใช้วิธีเจรจาแบบสันติวิธีจะสามารถประสานความคิดเห็นที่แตกต่างไปสู่ผลิตผลที่สร้างสรรค์และเป็นประโยชน์ต่อประเทศได้
สำเนาฉบับ PDF (คลิกที่นี่)
คณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ
๒๐ กุมภาพันธ์ ๒๕๖๑
๒๐ กุมภาพันธ์ ๒๕๖๑