เมื่อวันที่ 4 ธันวาคม 2567 เวลา 10.00 น. นางสาวหรรษา  หอมหวล เลขาธิการคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ (เลขาธิการ กสม.) พร้อมด้วยผู้อำนวยการและเจ้าหน้าที่สำนักสิทธิมนุษยชนระหว่างประเทศ ให้การต้อนรับ Mr. Peter Potásch ตุลาการศาลปกครองสูงสุดแห่งสาธารณรัฐสโลวัก นายเจตน์  สถาวรศีลพร รองเลขาธิการสำนักงานศาลปกครอง และคณะ ในโอกาสที่ Mr. Potásch เดินทางเยือนประเทศไทยเพื่อศึกษาและแลกเปลี่ยนความรู้แนวปฏิบัติทางการศาลที่เกี่ยวกับสิทธิมนุษยชนระหว่างประเทศ

          เลขาธิการ กสม. ได้นำเสนอบทบาทและหน้าที่ของคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ (กสม.) ซึ่งเป็นองค์กรอิสระตามรัฐธรรมนูญ และในฐานะสถาบันสิทธิมนุษยชนแห่งชาติตามหลักการปารีส (Paris Principles) โดยเป็นกลไกสำคัญในการเชื่อมประสานการทำงานด้านสิทธิมนุษยชนระหว่างภาครัฐ ภาคประชาสังคม และประชาชน โดยเน้นย้ำหลักประกันความเป็นอิสระในการปฏิบัติหน้าที่และความหลากหลาย พร้อมแลกเปลี่ยนการดำเนินงานของ กสม. ทั้งในมิติการคุ้มครองและส่งเสริมสิทธิมนุษยชน เช่น สถิติเรื่องร้องเรียนและประเด็นสิทธิมนุษยชนที่มีการร้องเรียน อาทิ สิทธิในกระบวนการยุติธรรม สิทธิชุมชนและสิ่งแวดล้อม การจัดทำรายงานการตรวจสอบ และการมีข้อเสนอแนะมาตรการเพื่อป้องกันและแก้ไขปัญหาการละเมิดสิทธิมนุษยชนต่อรัฐบาล การติดตามการปฏิบัติตามพันธกรณีระหว่างประเทศด้านสิทธิมนุษยชนผ่านการจัดทำรายงานคู่ขนาน (alternative report) ตลอดจนการสร้างความตระหนักเรื่องสิทธิมนุษยชนทั้งแก่กลุ่มเป้าหมายเฉพาะและสาธารณชนทั่วไป รวมถึงการจัดงานสมัชชาสิทธิมนุษยชน ประจำปี ซึ่งเป็นเวทีสำคัญที่ส่งเสริมการมีส่วนร่วมของทุกภาคส่วนในการแสวงหามาตรการส่งเสริมและคุ้มครองสิทธิมนุษยชนที่สำคัญ

          ในโอกาสนี้ Mr. Potásch ได้แลกเปลี่ยนข้อมูลเกี่ยวกับศูนย์สิทธิมนุษยชน (National Centre for Human Rights) ของสาธารณรัฐสโลวัก ซึ่งมีสถานะเป็นสถาบันสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ ทั้งกระบวนการสรรหาผู้ปฏิบัติหน้าที่กรรมการสิทธิมนุษยชน และอำนาจหน้าที่ของศูนย์ดังกล่าว ซึ่งมีความคล้ายคลึงกับ กสม. ทั้งการรับเรื่องร้องเรียนและการเสริมสร้างความตระหนักเรื่องสิทธิมนุษยชน นอกจากนี้ ศูนย์สิทธิมนุษยชนของสโลวัก ยังสามารถเสนอความเห็นในฐานะผู้เชี่ยวชาญต่อศาลในกรณีที่ละเมิดสิทธิมนุษยชนหรือการเลือกปฏิบัติได้  นอกจากนั้น Mr. Potásch ยังได้ชื่นชมการทำงานของ กสม. โดยเฉพาะอย่างยิ่งการจัดงานสมัชชาสิทธิมนุษยชน ซึ่งถือเป็นเวทีสร้างสรรค์ที่นำไปสู่การมีข้อมติเพื่อเสนอแนะเชิงนโยบายเพื่อส่งเสริมสิทธิมนุษยชนอย่างเป็นรูปธรรม

          การหารือครั้งนี้เป็นโอกาสอันดีในการแลกเปลี่ยนเรียนรู้แนวปฏิบัติที่ดีด้านสิทธิมนุษยชน โดยเฉพาะในมิติที่เกี่ยวข้องกับบทบาทของสถาบันสิทธิมนุษยชนและศาลปกครอง ซึ่งสอดคล้องกับการดำเนินงานตามบันทึกความเข้าใจ (MOU) ที่ทั้งสองหน่วยงานมีร่วมกัน และเป็นก้าวสำคัญในการเสริมสร้างความร่วมมือและพัฒนาแนวปฏิบัติที่ดีร่วมกันในอนาคต