เมื่อวันที่ 22 พฤศจิกายน 2566  ที่กองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในภาค 4 ส่วนหน้า (กอ.รมน.ภาค 4 สน.) ค่ายสิรินธร อำเภอยะรัง จังหวัดปัตตานี นางสาวรตญา  กอบศิริกาญจน์ รองเลขาธิการคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ นายจุมพล  ขุนอ่อน ผู้อำนวยการสำนักคุ้มครองสิทธิมนุษยชน 1 นายสุเรนทร์  ปะดุกาผู้อำนวยการสำนักงานคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติพื้นที่ภาคใต้ พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่สำนักงานคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติพื้นที่ภาคใต้ ประชุมร่วมกับ พลตรี กรกฎ  ภู่โชติ รอง ผอ.กอ.รมน.ภาค 4 สน. พันเอก มานะ  ปริญญาศิริ รอง ผอ.สำนักกฎหมายและสิทธิมนุษยชน กอ.รมน.ภาค 4 สน. พันตำรวจเอก จารุวิทย์ วงศ์ชัยกิตติพร รอง ผอ.สำนักกฎหมายและสิทธิมนุษยชน กอ.รมน.ภาค 4 สน. พันตำรวจเอก รังษี  มั่นจิตร เลขาธิการคณะทำงานขับเคลื่อนในจังหวัดชายแดนภาคใต้ และเจ้าหน้าที่ของรัฐฝ่ายความมั่นคงที่เกี่ยวข้อง เช่น เจ้าหน้าที่ตำรวจภูธรภาค 9 เจ้าหน้าที่ตำรวจตระเวนชายแดน และเจ้าหน้าที่ฝ่ายปกครอง เป็นต้น
 
               ที่ประชุมได้มีมติเห็นชอบการจัดกิจกรรมอบรมเชิงปฏิบัติการเสริมสร้างความรู้ความเข้าใจเรื่องสิทธิมนุษยชนเพื่อการมีส่วนร่วมของเจ้าหน้าที่รัฐผู้ปฏิบัติงานใกล้ชิดประชาชนในการพัฒนางานอำนวยความยุติธรรมในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ ภายใต้แผนงานบูรณาการขับเคลื่อนการแก้ไขปัญหาจังหวัดชายแดนภาคใต้ ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2567 โดยมีกลุ่มเป้าหมาย ได้แก่ เจ้าหน้าที่รัฐผู้ปฏิบัติงานด้านการบังคับใช้กฎหมายความมั่นคง และการตรวจค้น ควบคุมตัวบุคคลที่ต้องสงสัยในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ จำนวน 60 คน และร่วมกันหารือเกี่ยวกับแนวปฏิบัติในการการตรวจค้นในพื้นที่ โดยเฉพาะกรณีตรวจยึดทรัพย์สินไว้เป็นของกลางหรือเป็นพยานหลักฐาน เพื่อป้องกันการละเมิดสิทธิในทรัพย์สิน รวมทั้งแนวทางในการตรวจเก็บตัวอย่างสารพันธุกรรม (DNA) กรณีเจ้าหน้าที่เข้าตรวจค้นบ้านของผู้ต้องสงสัย หรือผู้ต้องหาในคดีความมั่นคง โดยไม่เป็นการละเมิดสิทธิมนุษยชน
 
               ทั้งนี้ กองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในภาค 4 ส่วนหน้า โดยสำนักกฎหมายและสิทธิมนุษยชนได้รับไปดำเนินการศึกษากฎหมาย และแก้ไขระเบียบที่เกี่ยวข้องสำหรับใช้ปฏิบัติงานให้มีประสิทธิภาพ ตลอดจนสร้างความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับสิทธิมนุษยชนในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ โดยสำนักงาน กสม. จะเผยแพร่ความรู้ ความเข้าใจในหลักสิทธิมนุษยชน โดยเฉพาะการเยียวยาภายใต้หลักการสิทธิมนุษยชนให้แก่เจ้าหน้าที่ของรัฐฝ่ายความมั่นคง เพื่อนำหลักสิทธิมนุษยชนไปปรับใช้กับการปฏิบัติหน้าที่อย่างเหมาะสมต่อไป