กสม. แจงข้อเสนอจากเวทีสัมมนาจัดทำข้อเสนอแนะต่อนโยบายเขตเศรษฐกิจพิเศษ

25/08/2560 112

          ตามที่คณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ (กสม.) ได้รับเรื่องร้องเรียนเกี่ยวกับผลกระทบจากการจัดตั้งนิคมอุตสาหกรรมในเขตเศรษฐกิจพิเศษ จำนวน ๑๓ คำร้อง โดยคำร้องส่วนใหญ่ ร้องเรียนเกี่ยวกับผลกระทบด้านที่ดินทำกินและที่อยู่อาศัย เช่น กรณีเขตเศรษฐกิจพิเศษแม่สอด จังหวัดตาก เขตเศรษฐกิจพิเศษนครพนม และเขตเศรษฐกิจพิเศษสงขลา  รวมถึงกรณีเขตเศรษฐกิจพิเศษเชียงราย และเขตเศรษฐกิจพิเศษหนองคาย  เป็นกรณีการใช้พื้นที่ป่าชุมชนและพื้นที่สาธารณประโยชน์ที่ราษฎรในชุมชนได้ร่วมกันดูแลรักษาไว้มาใช้จัดตั้งนิคมอุตสาหกรรม  ทั้งนี้ คาดว่าจะมีราษฎรที่ได้รับผลกระทบต้องอพยพโยกย้ายออกจากที่ดินทำกินและอยู่อาศัย ถูกดำเนินคดีหรือเสี่ยงต่อถูกดำเนินคดีไม่ต่ำกว่า ๓๐๐ ครอบครัว จากนโยบายเขตเศรษฐกิจพิเศษดังกล่าว
          คณะอนุกรรมการด้านสิทธิชุมชนและฐานทรัพยากร ในคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ ตระหนักถึงความสำคัญของการพัฒนาประเทศไปสู่เป้าหมายเพื่อการพัฒนาอย่างยั่งยืนและสอดคล้องกับหลักการสิทธิมนุษยชน จึงได้จัดการสัมมนาเพื่อจัดทำข้อเสนอแนะนโยบายและการปรับปรุงกฎหมาย กรณีนโยบายเขตเศรษฐกิจพิเศษ เมื่อวันที่ ๒๔ – ๒๕ สิงหาคม ๒๕๖๐ ณ ห้องเสวนา ชั้น ๖ สำนักงานคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ และ โรงแรมเซ็นทรา บายเซ็นทารา ศูนย์ราชการและคอนเวนชันเซ็นเตอร์  โดยผู้เข้าร่วมสัมมนาประกอบด้วย ตัวแทนกลุ่มผู้ร้อง ๗ พื้นที่ ได้แก่ ผู้ได้รับผลกระทบจากการจัดตั้งนิคมอุตสาหกรรมในเขตเศรษฐกิจพิเศษ (จังหวัดตาก จังหวัดเชียงราย จังหวัดหนองคาย จังหวัดนครพนม จังหวัดสระแก้ว จังหวัดสงขลา) เขตเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก  หน่วยงานรัฐ  ภาคเอกชน  องค์กรพัฒนาเอกชน สถาบันการศึกษา และนักวิชาการ จำนวน  ๑๕๐  คน
          นางเตือนใจ  ดีเทศน์  กรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติในฐานะประธานอนุกรรมการด้านสิทธิชุมชนและฐานทรัพยากร กล่าวว่าจากการสัมมนาดังกล่าวมีข้อเสนอแนะไปยังรัฐบาลและหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง  ดังนี้
          ๑.  ให้ทบทวนกระบวนการจัดหาที่ดิน  ไม่ควรนำที่ดินของเกษตรกร  ที่ดินของรัฐ  หรือที่ดินที่สำคัญกับระบบนิเวศ หรือ วัฒนธรรม ไปใช้  โดยให้เอกชนจัดซื้อเอง
          ๒. ควรปรับแผนพัฒนาเขตเศรษฐกิจพิเศษให้สอดคล้องกับยุทธศาสตร์จังหวัด โดยร่วมกันคัดเลือกกิจการที่เหมาะสมกับยุทธศาสตร์จังหวัด หรือ พื้นที่
          ๓. ให้คณะกรรมการนโยบายเขตพัฒนาเศรษฐกิจพิเศษ และ คณะรัฐมนตรีกำหนดแนวทางและมาตรการในการเยียวยาผลกระทบด้านต่างๆ ที่เกิดขึ้นในพื้นที่เขตเศรษฐกิจพิเศษ
          ๔. ให้มีนโยบายของแต่ละจังหวัด ทบทวนและปรับปรุง พื้นที่เขตเศรษฐกิจพิเศษ และ กิจการที่อยู่ในเขตเศรษฐกิจพิเศษ ให้คนท้องถิ่นได้รับประโยชน์จากการดำเนินกิจการ และ อยู่ร่วมกันได้กับการพัฒนาในพื้นที่
          ๕.  ให้คณะกรรมการนโยบายเขตพัฒนาเศรษฐกิจพิเศษ  แจ้งยืนยัน การใช้พื้นที่เป็นเขตเศรษฐกิจพิเศษ / เขตนิคมอุตสาหกรรมในเขตเศรษฐกิจพิเศษ อย่างเป็นลายลักษณ์อักษร  
          ๖. ให้มีช่องทางการสื่อสาร การมีส่วนร่วม บนพื้นฐานของการไว้วางใจกัน โดยปราศจากการข่มขู่คุกคาม
          ๗. ให้นายกรัฐมนตรีสั่งการให้หน่วยงานของรัฐ นำหลักการธุรกิจกับสิทธิมนุษยชนมาดำเนินการ อันประกอบด้วย การเคารพ  การคุ้มครอง  การเยียวยา ให้กับผู้ได้รับผลกระทบจากเขตเศรษฐกิจพิเศษ
         ๘.  ขอให้มีท่าทีการทำงานระหว่างรัฐกับชุมชนเป็นไปตามมติของคณะกรรมการนโยบายเขตพัฒนาเศรษฐกิจพิเศษ เปิดช่องให้จังหวัดมีอำนาจดำเนินการในการกำหนดมาตรการการแก้ไขปัญหา รวมไปถึง
การเยียวยาอีกด้วย
           ทั้งนี้ คณะอนุกรรมการด้านสิทธิชุมชนและฐานทรัพยากรจะนำข้อเสนอที่ได้จากเวทีสัมมนาในครั้งนี้ไปประกอบการพิจารณาตามคำร้องเรียน  และจัดทำข้อเสนอแนะต่อรัฐบาลและหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง  ตามหน้าที่และอำนาจของคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติอย่างเป็นทางการต่อไป


 สำนักงานคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ
๒๕ สิงหาคม ๒๕๖๐

25/08/2560

ไฟล์เอกสารที่เกี่ยวข้อง
เลื่อนขึ้นด้านบน