เมื่อวันที่ 20 มิถุนายน 2567 เวลา 09.30 น. คณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ (กสม.) โดย นางสาวพรประไพ กาญจนรินทร์ ประธานกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ นายวสันต์ ภัยหลีกลี้ ผศ.สุชาติ เศรษฐมาลินี นางสาวสุภัทรา นาคะผิว กรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ พร้อมด้วยนางหรรษา บุญรัตน์ รองเลขาธิการคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ นายภาณุพันธ์ สมสกุล ผู้อำนวยการสำนักเฝ้าระวังและประเมินสถานการณ์สิทธิมนุษยชน และเจ้าหน้าที่สำนักงาน กสม. เข้าร่วมการประชุมวุฒิสภา ครั้งที่ 3 (สมัยวิสามัญ) เป็นพิเศษ เพื่อชี้แจงรายงานผลการประเมินสถานการณ์ด้านสิทธิมนุษยชนของประเทศไทย ปี 2566 และรายงานผลการปฏิบัติงานคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2566 ณ ห้องประชุมวุฒิสภา อาคารรัฐสภา

          โอกาสนี้ ประธานกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติและกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติได้ชี้แจงพร้อมตอบข้อซักถามจากสมาชิกวุฒิสภา โดยในส่วนรายงานผลการประเมินสถานการณ์ด้านสิทธิมนุษยชนของประเทศไทย ปี 2566 มีพัฒนาการความก้าวหน้าที่สำคัญ ข้อท้าทาย และข้อเสนอแนะของแต่ละประเด็น ซึ่ง กสม. ได้ติดตามการดำเนินการตามข้อเสนอแนะของ กสม. โดยใช้กระบวนการจัดประชุมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง และนำข้อมูลความคืบหน้าไปประกอบการจัดทำข้อเสนอแนะ เพื่อให้ข้อเสนอแนะมีผลที่นำไปสู่การปฏิบัติได้จริงและยกระดับการขับเคลื่อนเรื่องสิทธิมนุษยชนของประเทศไทยในปีต่อไป

          สำหรับรายงานผลการปฏิบัติงาน กสม. ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2566 กสม. ได้นำเสนอผลการดำเนินงานด้านต่าง ๆ ได้แก่ (1) ด้านการตรวจสอบและรายงานข้อเท็จจริงเกี่ยวกับการละเมิดสิทธิมนุษยชน (2) ด้านการเสนอแนะมาตรการหรือแนวทางในการส่งเสริมและคุ้มครองสิทธิมนุษยชน (3) ด้านการจัดทำรายงานผลการประเมินสถานการณ์ด้านสิทธิมนุษยชนของประเทศ (4) ด้านการสร้างเสริมทุกภาคส่วนของสังคมให้ตระหนักถึงความสำคัญของสิทธิมนุษยชน และ (5)  ด้านการเสริมสร้างความร่วมมือกับภาคีเครือข่าย พร้อมทั้งมีข้อเสนอแนะในการปรับปรุงแก้ไขหน้าที่และอำนาจของ กสม. เพื่อสร้างความเชื่อมั่นและสนับสนุนให้ กสม. สามารถปฏิบัติหน้าที่ในการช่วยเหลือและคุ้มครองสิทธิและเสรีภาพของประชาชนได้เต็มศักยภาพ

          ทั้งนี้ สมาชิกวุฒิสภาได้ให้ข้อสังเกตและคำแนะนำในการปฏิบัติหน้าที่ของ กสม. เพื่อยกระดับการปฏิบัติงานด้านสิทธิมนุษยชนของประเทศไทย ซึ่ง กสม. รับคำแนะนำและข้อเสนอแนะของสมาชิกวุฒิสภาเพื่อนำไปพัฒนาการทำงานและขับเคลื่อนเรื่องการส่งเสริมและคุ้มครองสิทธิมนุษยชนร่วมกับภาคีเครือข่ายให้รอบด้านและมีประสิทธิภาพยิ่งขึ้นไป