กสม. ศยามล ลงพื้นที่ประสานการคุ้มครองสิทธิมนุษยชนเรื่องสิทธิในที่ดิน ณ เกาะบุโหลน อำเภอละงู จังหวัดสตูล

17/09/2567 495

          เมื่อวันที่ 14 กันยายน 2567 เวลา 09.00 น. ที่โรงเรียนบ้านเกาะบุโหลน ตำบลปากน้ำ อำเภอละงู จังหวัดสตูล นางสาวศยามล  ไกยูรวงศ์ กรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ และเจ้าหน้าที่สำนักงาน กสม. พื้นที่ภาคใต้ ลงพื้นที่ประสานการคุ้มครองสิทธิมนุษยชนกรณีมีการร้องเรียนว่าอุทยานแห่งชาติหมู่เกาะเภตรามีคำสั่งรื้อถอนที่พักอาศัยของประชาชนที่อยู่ในเขตพื้นที่อุทยาน และแสวงหาแนวทางความช่วยเหลือให้ชุมชนชาวเลเกาะบุโหลนดอนมีที่อาศัยที่มั่นคง พัฒนาคุณภาพชีวิตที่ดี โดยมีนายชาตรี  ณ ถลาง รองผู้ว่าราชการจังหวัดสตูล หัวหน้าอุทยานแห่งชาติหมู่เกาะเภตรา ผู้แทนกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่าและพันธุ์พืช ผู้แทนสำนักบริหารพื้นที่อนุรักษ์ที่ 5 ผู้แทนศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร (องค์การมหาชน) ผู้แทนเครือข่ายภาคประชาชน ผู้นำท้องถิ่น ผู้นำศาสนา และประชาชนที่อาศัยอยู่ที่เกาะบุโหลนดอน เข้าร่วมประชุมกว่า 70 คน

          การประชุมสรุปว่า เกาะบุโหลนดอนมีประชาชนกลุ่มชาติพันธุ์ชาวเลอุรักลาโว้ยซึ่งอยู่อาศัยมาหลายชั่วอายุคนตามวิถีชาวเล สร้างเพิงพักอาศัยชั่วคราวบนเกาะและออกหากินในท้องทะเลมากกว่า 100 ครัวเรือน มีโรงเรียนและมัสยิดประจำเกาะ ต่อมารัฐประกาศให้เกาะบุโหลนทั้ง 3 เกาะเป็นพื้นที่ของอุทยานแห่งชาติหมู่เกาะเภตราและคณะรัฐมนตรีมีมติให้สำรวจพื้นที่ที่ประชาชนถือครองและทำประโยชน์ ซึ่งพบว่ามีการกันแนวเขตพื้นที่อาศัยของประชาชนในเกาะบุโหลนดอนรวม 9 แปลง ซึ่งมีพื้นที่ของประชาชนโดยผู้แทนจำนวน 7 แปลง และพื้นที่ของมัสยิดและโรงเรียนอีก 2 แปลง ต่อมา พระราชบัญญัติอุทยานแห่งชาติ พ.ศ. 2562 มีผลบังคับ ซึ่งมีบทบัญญัติมาตรา 64 ที่กำหนดให้รัฐทำการสำรวจพื้นที่อุทยานที่มีประชาชนถือครองและทำประโยชน์และให้กันเป็นพื้นที่ใช้สอยของประชาชน โดยกรมอุทยานฯ ได้ใช้ฐานข้อมูลการสำรวจเมื่อปี 2540 เป็นฐานในการดำเนินการตามมาตรา 64 ดังกล่าว ทำให้ประชาชนอีกหลายครัวเรือนไม่ได้รับการสำรวจเป็นผู้ครอบครองและทำประโยชน์ ปัจจุบัน มีครัวเรือนขยาย และยังมีประชาชนอีกหลายรายที่รอการจัดสรรที่ดินเพื่อสร้างที่อาศัย

          นอกจากนี้ ยังมีปัญหาเรื่องสุขอนามัย การสร้างบ้านเรือนที่ไม่มีสุขา ไม่มีไฟฟ้าและน้ำสำหรับอุปโภคบริโภค อีกทั้งบุคคลที่มีรายชื่อเป็นเจ้าของแปลงไม่ยินยอมให้ประชาชนรายอื่นสร้างเพิงพักเพิ่มเติมในที่ว่างซึ่งมีชื่อของตนเป็นเจ้าของแปลง ทำให้มีการรุกที่เกินเขตที่อุทยานฯ กำหนด คณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ (กสม.) จึงเสนอให้จังหวัดสตูล อุทยานแห่งชาติหมู่เกาะเภตรา และกรมอุทยาน ฯ ชะลอการสั่งรื้อบ้านพักของประชาชน และให้ดำเนินการสำรวจพื้นที่ใช้สอยของประชาชนโดยให้มีการสำรวจตามที่อยู่จริงมิใช่รายแปลง และหากพื้นที่ไม่เพียงพอ อาจทำการจัดสรรพื้นที่เพื่ออยู่อาศัยและทำกินเพิ่มเติมโดยกำหนดเป็นพื้นที่ชุมชนใช้ร่วมกัน และต้องมีข้อตกลงชุมชนในการช่วยกันดูแลอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมร่วมกับรัฐ ขณะที่หน่วยงานของรัฐที่เกี่ยวข้องขอให้ กสม. ประสานไปยังกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมหรือกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่าและพันธุ์พืช เพื่อสั่งการให้หน่วยงานในพื้นที่ดำเนินการตามข้อเสนอของ กสม.

          ทั้งนี้ กสม.จะประสานการคุ้มครองสิทธิมนุษยชนต่อเนื่อง โดยประสานไปยังกรมอุทยานฯ เพื่อให้พิจารณาชะลอการรื้อถอนที่พักอาศัยของประชาชน จนกว่าจะมีการแสวงหาข้อเท็จจริงและตรวจสอบความเป็นมาของที่ดินอย่างถูกต้อง เพื่อการคุ้มครองสิทธิของประชาชนต่อไป

เลื่อนขึ้นด้านบน