ในห้วงเวลาที่ผ่านมา คณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติมีความกังวลต่อสถานการณ์ความรุนแรงที่เกิดขึ้นในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ และได้ติดตามตรวจสอบสถานการณ์ที่เกิดขึ้นตลอดมาโดยเฉพาะอย่างยิ่งการใช้ความรุนแรงต่อประชาชนผู้บริสุทธิ์ด้วยอาวุธสงคราม และการกระทำที่ทารุณโหดร้ายไร้มนุษยธรรม ป่าเถื่อน เช่น การใช้ระเบิดสังหารในที่ชุมชน การใช้อาวุธสงครามสังหารเด็ก สตรี รวมถึงการฆ่าปาดคอ และการทำลายศพ อันเป็นเหตุการณ์ที่ก่อให้เกิดความสูญเสียต่อชีวิต ร่างกายของประชาชนผู้บริสุทธิ์ และยังความเศร้าสลดใจแก่ผู้พบเห็นและสังคมโดยรวม
ช่วงระยะเวลานี้เป็นช่วงเดือนรอมฎอน เทศกาลถือศีลอดเพื่อกระทำความดี แต่ก็ยังมีเหตุการณ์รุนแรงเกิดขึ้นอีก โดยในวันที่ ๙ กรกฎาคม ๒๕๕๗ เวลาประมาณ ๑๕.๐๐ น. ได้เกิดเหตุการณ์กรณีการใช้อาวุธปืนยิงนักศึกษาของวิทยาลัยสาธารณสุขสิรินธร จังหวัดยะลา เสียชีวิต ๒ คน โดยสถานที่เกิดเหตุอยู่ในบริเวณตลาดนัดลากอ ตำบลยะหา อำเภอยะหา จังหวัดยะลา และเกิดเหตุการณ์ต่อเนื่องในวันที่ ๑๐ กรกฎาคม ๒๕๕๗ เวลาประมาณ ๒๒.๔๕ น. ได้มีคนร้ายไม่ทราบจำนวน ดักลอบยิงรถเจ้าหน้าที่ตำรวจขณะกลับจากการละหมาดตะรอเวี๊ยะในเดือนรอมฎอนร่วมกับชาวบ้านในมัสยิดตำบลสะเอะ อำเภอกรงปีนัง จังหวัดยะลา เป็นเหตุให้เจ้าหน้าที่ตำรวจเสียชีวิต ๓ นาย รวมทั้งมีผู้ได้รับบาดเจ็บและทรัพย์สินเสียหาย ยังความเศร้าสลดใจและหวาดกลัวต่อการกระทำที่โหดร้าย ผิดกฎหมาย ไร้มนุษยธรรม ดังปรากฏเป็นข่าว
คณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ ขอแสดงความเสียใจอย่างสุดซึ้งต่อผู้สูญเสียและครอบครัว ทั้งนี้ คณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ ซึ่งมีบทบาทและหน้าที่ในการส่งเสริมการเคารพและปฏิบัติตามหลักสิทธิมนุษยชน และปกป้องหลักการเคารพต่อสิทธิและเสรีภาพในชีวิตและร่างกายอันจะละเมิดมิได้ ขอประณามการกระทำที่โหดร้าย ทารุณ ไร้มนุษยธรรม ป่าเถื่อน การกระทำดังกล่าวขัดต่อ หลักศาสนาทุกศาสนา โดยเฉพาะอย่างยิ่งเป็นการกระทำที่ไม่ละเว้นแม้ในห้วงเวลานี้ซึ่งเป็นช่วงเดือนรอมฎอน ที่ถือเป็นเดือนอันประเสริฐในการประกอบศาสนกิจและแสวงบุญศีลของพี่น้องชาวมุสลิม
คณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ ขอเสนอแนะให้ทุกภาคส่วนคำนึงและควรปฏิบัติ ดังนี้
๑. ขอให้ผู้ที่ก่อเหตุการณ์ความรุนแรงได้ยุติการกระทำความรุนแรงต่อผู้อื่น และขอประณามการกระทำดังกล่าว นอกจากจะละเมิดสิทธิมนุษยชนอย่างร้ายแรงแล้ว ยังเป็นการกระทำที่ผิดกฎหมาย และไร้มนุษยธรรมอีกด้วย
๒. ขอให้หน่วยงานภาครัฐที่มีหน้าที่รับผิดชอบ ได้แก่ กองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายใน ภาค ๔ ส่วนหน้า สำนักงานตำรวจแห่งชาติ และหน่วยงานด้านความมั่นคง ดำเนินการโดยเพิ่มมาตรการในการรักษาความสงบเรียบร้อยแก่ประชาชนในพื้นที่ให้เข้มงวดรัดกุมให้มากยิ่งขึ้น และผู้บริสุทธิ์ต้องได้รับการปกป้องและคุ้มครองจากเจ้าหน้าที่ของรัฐ เพื่อสร้างความมั่นใจและความรู้สึกปลอดภัยในชีวิต ร่างกาย ทรัพย์สิน และการดำรงชีวิตอย่างปกติสุขด้วยความร่วมมือของภาคประชาชนในการสร้างระบบ การดูแลรักษาความสงบเรียบร้อย การเฝ้าระวังและการป้องกัน รวมทั้งเร่งดำเนินการสืบสวนสอบสวนหาตัวผู้กระทำความผิดมาดำเนินการตามกฎหมายอย่างรวดเร็ว เพื่อเรียกความเชื่อมั่นให้กับประชาชน และให้ประชาชนสามารถดำรงชีวิตอย่างปกติสุข
๓. ประชาชนและทุกภาคส่วนของชุมชนจะต้องช่วยกันสอดส่องและระมัดระวังถึงภยันตรายทั้งปวงที่จะส่งผลกระทบต่อชีวิต ร่างกาย และทรัพย์สิน อันเกิดจากการก่อความไม่สงบในพื้นที่ ในประการสำคัญหากทุกภาคส่วนจะร่วมมือกันแสวงหาหนทางและแนวทางในการอยู่ร่วมกันในฐานะประชาชนชาวไทยอย่างสันติสุข จะเป็นพลังอย่างมหาศาลในการขับเคลื่อนมาตรการและแนวทางแก้ไขปัญหาให้ลุล่วงได้
๔. หน่วยงานที่เกี่ยวข้องสมควรให้การรักษาพยาบาลผู้ได้รับบาดเจ็บอย่างเต็มกำลังความสามารถและเร่งสร้างขวัญกำลังใจให้กับผู้ปฏิบัติงานและประชาชนในพื้นที่
๕. รัฐและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องต้องเร่งดำเนินการให้ความช่วยเหลือ เยียวยาความเสียหายทั้งในด้านการเงินและความช่วยเหลือทางด้านจิตใจให้แก่ผู้ที่ได้รับผลกระทบและครอบครัวจากเหตุการณ์ดังกล่าวอย่างรวดเร็วและเป็นธรรม
ทั้งนี้ คณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติจะติดตามสถานการณ์และผลการปฏิบัติของหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในการให้ความช่วยเหลือเยียวยา และจะประสานงานหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อให้การช่วยเหลือเยียวยาตามหลักเกณฑ์ต่อไป อีกทั้งจะดำเนินการตรวจสอบการละเมิดสิทธิมนุษยชนในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ และนำเสนอให้สาธารณชนได้รับทราบต่อไป
ช่วงระยะเวลานี้เป็นช่วงเดือนรอมฎอน เทศกาลถือศีลอดเพื่อกระทำความดี แต่ก็ยังมีเหตุการณ์รุนแรงเกิดขึ้นอีก โดยในวันที่ ๙ กรกฎาคม ๒๕๕๗ เวลาประมาณ ๑๕.๐๐ น. ได้เกิดเหตุการณ์กรณีการใช้อาวุธปืนยิงนักศึกษาของวิทยาลัยสาธารณสุขสิรินธร จังหวัดยะลา เสียชีวิต ๒ คน โดยสถานที่เกิดเหตุอยู่ในบริเวณตลาดนัดลากอ ตำบลยะหา อำเภอยะหา จังหวัดยะลา และเกิดเหตุการณ์ต่อเนื่องในวันที่ ๑๐ กรกฎาคม ๒๕๕๗ เวลาประมาณ ๒๒.๔๕ น. ได้มีคนร้ายไม่ทราบจำนวน ดักลอบยิงรถเจ้าหน้าที่ตำรวจขณะกลับจากการละหมาดตะรอเวี๊ยะในเดือนรอมฎอนร่วมกับชาวบ้านในมัสยิดตำบลสะเอะ อำเภอกรงปีนัง จังหวัดยะลา เป็นเหตุให้เจ้าหน้าที่ตำรวจเสียชีวิต ๓ นาย รวมทั้งมีผู้ได้รับบาดเจ็บและทรัพย์สินเสียหาย ยังความเศร้าสลดใจและหวาดกลัวต่อการกระทำที่โหดร้าย ผิดกฎหมาย ไร้มนุษยธรรม ดังปรากฏเป็นข่าว
คณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ ขอแสดงความเสียใจอย่างสุดซึ้งต่อผู้สูญเสียและครอบครัว ทั้งนี้ คณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ ซึ่งมีบทบาทและหน้าที่ในการส่งเสริมการเคารพและปฏิบัติตามหลักสิทธิมนุษยชน และปกป้องหลักการเคารพต่อสิทธิและเสรีภาพในชีวิตและร่างกายอันจะละเมิดมิได้ ขอประณามการกระทำที่โหดร้าย ทารุณ ไร้มนุษยธรรม ป่าเถื่อน การกระทำดังกล่าวขัดต่อ หลักศาสนาทุกศาสนา โดยเฉพาะอย่างยิ่งเป็นการกระทำที่ไม่ละเว้นแม้ในห้วงเวลานี้ซึ่งเป็นช่วงเดือนรอมฎอน ที่ถือเป็นเดือนอันประเสริฐในการประกอบศาสนกิจและแสวงบุญศีลของพี่น้องชาวมุสลิม
คณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ ขอเสนอแนะให้ทุกภาคส่วนคำนึงและควรปฏิบัติ ดังนี้
๑. ขอให้ผู้ที่ก่อเหตุการณ์ความรุนแรงได้ยุติการกระทำความรุนแรงต่อผู้อื่น และขอประณามการกระทำดังกล่าว นอกจากจะละเมิดสิทธิมนุษยชนอย่างร้ายแรงแล้ว ยังเป็นการกระทำที่ผิดกฎหมาย และไร้มนุษยธรรมอีกด้วย
๒. ขอให้หน่วยงานภาครัฐที่มีหน้าที่รับผิดชอบ ได้แก่ กองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายใน ภาค ๔ ส่วนหน้า สำนักงานตำรวจแห่งชาติ และหน่วยงานด้านความมั่นคง ดำเนินการโดยเพิ่มมาตรการในการรักษาความสงบเรียบร้อยแก่ประชาชนในพื้นที่ให้เข้มงวดรัดกุมให้มากยิ่งขึ้น และผู้บริสุทธิ์ต้องได้รับการปกป้องและคุ้มครองจากเจ้าหน้าที่ของรัฐ เพื่อสร้างความมั่นใจและความรู้สึกปลอดภัยในชีวิต ร่างกาย ทรัพย์สิน และการดำรงชีวิตอย่างปกติสุขด้วยความร่วมมือของภาคประชาชนในการสร้างระบบ การดูแลรักษาความสงบเรียบร้อย การเฝ้าระวังและการป้องกัน รวมทั้งเร่งดำเนินการสืบสวนสอบสวนหาตัวผู้กระทำความผิดมาดำเนินการตามกฎหมายอย่างรวดเร็ว เพื่อเรียกความเชื่อมั่นให้กับประชาชน และให้ประชาชนสามารถดำรงชีวิตอย่างปกติสุข
๓. ประชาชนและทุกภาคส่วนของชุมชนจะต้องช่วยกันสอดส่องและระมัดระวังถึงภยันตรายทั้งปวงที่จะส่งผลกระทบต่อชีวิต ร่างกาย และทรัพย์สิน อันเกิดจากการก่อความไม่สงบในพื้นที่ ในประการสำคัญหากทุกภาคส่วนจะร่วมมือกันแสวงหาหนทางและแนวทางในการอยู่ร่วมกันในฐานะประชาชนชาวไทยอย่างสันติสุข จะเป็นพลังอย่างมหาศาลในการขับเคลื่อนมาตรการและแนวทางแก้ไขปัญหาให้ลุล่วงได้
๔. หน่วยงานที่เกี่ยวข้องสมควรให้การรักษาพยาบาลผู้ได้รับบาดเจ็บอย่างเต็มกำลังความสามารถและเร่งสร้างขวัญกำลังใจให้กับผู้ปฏิบัติงานและประชาชนในพื้นที่
๕. รัฐและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องต้องเร่งดำเนินการให้ความช่วยเหลือ เยียวยาความเสียหายทั้งในด้านการเงินและความช่วยเหลือทางด้านจิตใจให้แก่ผู้ที่ได้รับผลกระทบและครอบครัวจากเหตุการณ์ดังกล่าวอย่างรวดเร็วและเป็นธรรม
ทั้งนี้ คณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติจะติดตามสถานการณ์และผลการปฏิบัติของหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในการให้ความช่วยเหลือเยียวยา และจะประสานงานหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อให้การช่วยเหลือเยียวยาตามหลักเกณฑ์ต่อไป อีกทั้งจะดำเนินการตรวจสอบการละเมิดสิทธิมนุษยชนในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ และนำเสนอให้สาธารณชนได้รับทราบต่อไป
คณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ