เมื่อวันที่ 25 กุมภาพันธ์ 2567 นางสาวศยามล  ไกยูรวงศ์ กรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ  พร้อมด้วยนางสาววันรุ่ง  แสนแก้ว ผู้อำนวยการสำนักรับเรื่องร้องเรียนและประสานการคุ้มครองสิทธิมนุษยชน และเจ้าหน้าที่สำนักงานคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ เข้าร่วมการประชุมรับฟังความคิดเห็นและหารือแนวทางการแก้ปัญหาการระบาดของปลาหมอคางดำที่ส่งผลกระทบต่อระบบนิเวศและการประมงชายฝั่ง ในจังหวัดพื้นที่ภาคกลางบริเวณรอบอ่าว ก.ไก่ ซึ่งดำเนินการจัดประชุมโดยประชาคมคนรักแม่กลอง ณ ห้องประชุมบ้านไม้ชายเลน รีสอร์ท ตำบลคลองโคน อำเภอเมืองสมุทรสงคราม จังหวัดสมุทรสงคราม
 
          กรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติได้กล่าวต่อที่ประชุมว่า กรณีเกษตรกรได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดของปลาหมอคางดำ ทั้งนี้ คณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ (กสม.) เคยมีข้อเสนอแนะมาตรการหรือแนวทางที่เหมาะสมในการป้องกันหรือแก้ไขการละเมิดสิทธิมนุษยชนต่อหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ตามรายงานผลการตรวจสอบการละเมิดสิทธิมนุษยชน ที่ 171/2561 ลงวันที่ 25 เมษายน 2561 ซึ่งหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับไปดำเนินการ แต่อย่างไรก็ตาม จากการรับฟังความคิดเห็นในวันนี้พบว่า ปัจจุบันสถานการณ์ปัญหายังคงมีความรุนแรงและมีแนวโน้มที่จะทวีความรุนแรงมากขึ้นส่งผลกระทบต่อความหลากหลายทางชีวภาพ และการประกอบอาชีพของประชาชน
 
          ภายหลังเสร็จสิ้นการประชุมผู้แทนจากกลุ่มต่างๆ ได้แก่ (1) กลุ่มประมงชายฝั่งบางตะพูน อำเภอบ้านแหลม จังหวัดเพชรบุรี (2) กลุ่มรักหาดเจ้า อำเภอบ้านแหลม จังหวัดเพชรบุรี (3) กลุ่มรักอ่าวไทย อำเภอบ้านแหลม จังหวัดเพชรบุรี (4) กลุ่มผู้เพาะเลี้ยงสัตว์น้ำตำบลยี่สาร จังหวัดสมุทรสงคราม (5) กลุ่มเครือข่ายเพาะเลี้ยงคลองโคน จังหวัดสมุทรสงคราม (6) เครือข่ายประมงพื้นบ้านบางแก้ว จังหวัดสมุทรสงคราม (7) เครือข่ายเพาะเลี้ยงหอยแมลงภู่ จังหวัดสมุทรสงคราม (8 ) เครือข่ายผู้เลี้ยงปลากระชัง จังหวัดสมุทรสงคราม (9) เครือข่ายสภาองค์กรของผู้บริโภค และ (10) กลุ่มผู้ใช้น้ำตำบลแพรกหนามแดง ได้ยื่นหนังสือร้องเรียนต่อ นางสาวศยามล ขอให้ กสม. ติดตามการดำเนินการของหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ตามข้อเสนอแนะของ กสม. เพื่อนำไปสู่การแก้ไขปัญหาอย่างจริงจัง

           ทั้งนี้ นางสาวศยามลจะนำเรื่องร้องเรียนดังกล่าวเสนอต่อ กสม. เพื่อพิจารณากำหนดให้มีการประชุมร่วมกับจังหวัด กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย กรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง กรมประมง และหน่วยงานอื่น ๆ รวมถึงหน่วยงานภาคเอกชนที่เกี่ยวข้อง โดยมีภาคประชาชนในพื้นที่ร่วมให้ข้อมูลและข้อเสนอแนะ เพื่อหาแนวทางในการแก้ปัญหาอย่างบูรณาการร่วมกันโดยเร่งด่วนต่อไป