ข่าวแจก กสม.ประณามการใช้ความรุนแรงต่อผู้บริสุทธิ์ในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้

26/05/2557 110

เมื่อวันที่ ๒๖ พฤษภาคม ๒๕๕๗ ศาสตราจารย์ ดร.อมรา พงศาพิชญ์ ประธานกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ  และในฐานะประธานคณะอนุกรรมการปฏิบัติการยุทธศาสตร์ด้านสิทธิมนุษยชนในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้  ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีเหตุการณ์ความรุนแรงในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ที่เกิดขึ้นอย่างต่อเนื่อง  รวมถึงเหตุการณ์เมื่อวันที่ ๒๔ พฤษภาคม ๒๕๕๗  ได้เกิดเหตุระเบิดหลายพื้นที่กลางอำเภอเมือง  และอำเภอหนองจิก  จังหวัดปัตตานี อำเภอรือเสาะ จังหวัดนราธิวาส  เป็นเหตุให้ประชาชนผู้บริสุทธิ์เสียชีวิต จำนวน ๓ ราย  ได้รับบาดเจ็บอีกจำนวน  ๗๐ กว่าราย  และทรัพย์สินเสียหายว่า คณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ ได้เคยแสดงความห่วงใยและความกังวลต่อการใช้ความรุนแรงทุกรูปแบบมาโดยตลอด ทั้งนี้ได้มีกำหนดลงพื้นที่เพื่อตรวจสอบและติดตามการละเมิดสิทธิมนุษยชนต่อไป 
        ศาสตราจารย์ ดร.อมรา พงศาพิชญ์  กล่าวเพิ่มเติมว่า กรณีเกิดเหตุระเบิดหลายพื้นที่กลางอำเภอเมือง  และอำเภอหนองจิก  จังหวัดปัตตานี อำเภอรือเสาะ จังหวัดนราธิวาส  ขอแสดงความเสียใจเป็นอย่างยิ่งต่อผู้ที่เสียชีวิต  ผู้ที่ได้รับบาดเจ็บ  และครอบครัวที่ได้รับผลกระทบจากการก่อความไม่สงบในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้  และขอแสดงความห่วงใยในสวัสดิภาพของประชาชนในพื้นที่   และขอประณามการกระทำของผู้ก่อเหตุการณ์ความรุนแรงที่ละเมิดสิทธิมนุษยชนอย่างร้ายแรงโดยใช้วิธีการที่ป่าเถื่อน โหดร้ายไร้มนุษยธรรม ผิดต่อกฎหมาย ละเมิดสิทธิมนุษยชน และหลักมนุษยธรรม  ซึ่งเป็นหลักสากลที่ทุกฝ่ายต้องยึดถือ  จึงขอประณามการใช้ความรุนแรงทุกรูปแบบ
        นายไพบูลย์  วราหะไพฑูรย์ กรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ และรองประธานคณะอนุกรรมการปฏิบัติการยุทธศาสตร์ด้านสิทธิมนุษยชนในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้  กล่าวเพิ่มเติมว่า   นอกจากจะเศร้าสลดกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ขอแสดงความเสียใจอย่างสุดซึ้งต่อการสูญเสียในครั้งนี้  และขอสนับสนุนเจ้าหน้าที่ของรัฐที่ใช้ความพยายามในการดำเนินมาตรการรักษาความสงบเรียบร้อย  และคงต้องเพิ่มมาตรการในการรักษาความสงบเรียบร้อยให้มีความเข้มงวดเพื่อก่อให้เกิดความเชื่อมั่น  และประชาชนรู้สึกปลอดภัยในชีวิต ร่างกาย ทรัพย์สิน  การประกอบอาชีพ และการดำรงชีวิตอย่างปกติสุข ด้วยความร่วมมือของภาคประชาชนในพื้นที่ที่ต้องร่วมมือร่วมใจในการเฝ้าระวัง แจ้งเบาะแสของผู้กระทำความผิด และการป้องกันเหตุการณ์ความรุนแรง เพื่อความสันติสุขให้กลับคืนมา พร้อมให้การดูแลและรักษาพยาบาลผู้ที่ได้รับบาดเจ็บ และเร่งเยียวยาความเสียหายตามหลักเกณฑ์ที่กำหนด  รวมถึงฟื้นฟูจิตใจและความบอบช้ำของผู้ที่ได้รับผลกระทบจากเหตุการณ์และต้องดำเนินการตามกฎหมายโดยสืบสวนสอบสวนเพื่อเร่งหาตัวผู้กระทำผิดมาลงโทษตามกฎหมายต่อไป

 

26/05/2557

เลื่อนขึ้นด้านบน