ความเห็นของคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติต่อร่างพระราชบัญญัติการชุมนุมสาธารณะ พ.ศ. ....

09/03/2558 117

   ตามที่สภานิติบัญญัติแห่งชาติได้รับหลักการร่างพระราชบัญญัติการชุมนุมสาธารณะ พ.ศ. .... นั้น เพื่อให้ร่างพระราชบัญญัติดังกล่าวสอดคล้องกับหลักการสากลในการคุ้มครองเสรีภาพในการชุมนุมโดยสงบ คณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ ในฐานะองค์กรตามรัฐธรรมนูญที่มีอำนาจหน้าที่ในการส่งเสริมการเคารพและการปฏิบัติตามหลักสิทธิมนุษยชน และเสนอแนะนโยบายและข้อเสนอในการปรับปรุงกฎหมาย และกฎ ต่อรัฐสภา (สภานิติบัญญัติแห่งชาติ) และคณะรัฐมนตรี เพื่อส่งเสริมและคุ้มครองสิทธิมนุษยชน ในการนี้ ในคราวประชุมคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ เมื่อวันที่ ๑๙ มกราคม ๒๕๕๘ จึงมีความเห็นและมติต่อร่างพระราชบัญญัติการชุมนุมสาธารณะ พ.ศ. .... ซึ่งมีประเด็นสำคัญ ดังนี้
                              ๑. ชื่อร่างพระราชบัญญัติควรเปลี่ยนเป็นร่างพระราชบัญญัติส่งเสริมและคุ้มครองเสรีภาพในการชุมนุมสาธารณะ พ.ศ. ....เพื่อให้สอดคล้องกับหลักการและเหตุผลของกฎหมาย
                              ๒. คำนิยาม ต้องมีความชัดเจนและผู้จัดการชุมนุมไม่ควรครอบคลุมถึงผู้เชิญชวนหรือผู้นัดหมายให้ผู้อื่นมาร่วมชุมนุม
                              ๓. การกำหนดให้การชุมนุมสาธารณะต้องได้รับอนุญาตจากเจ้าพนักงานไม่สอดคล้องกับหลักการตามกติการะหว่างประเทศว่าด้วยสิทธิพลเมืองและสิทธิทางการเมืองที่ประเทศไทยเป็นภาคี
                              ๔. การกำหนดพื้นที่ห้ามชุมนุมและสถานที่ซึ่งการชุมนุมต้องไม่กีดขวางทางเข้าออกหรือรบกวนการปฏิบัติงาน โดยรัฐมนตรีอาจประกาศกำหนดเพิ่มเติมในภายหลังได้เป็นการกำหนดหลักเกณฑ์และเงื่อนไขเกินสมควรและให้ดุลพินิจแก่รัฐมนตรีมากเกินไป ผลของบทบัญญัติทำให้ไม่มีพื้นที่ในการชุมนุม
                              ๕. การกำหนดเวลาห้ามชุมนุมหรือเดินขบวนหรือเคลื่อนย้ายการชุมนุมไม่เหมาะสม
                              ๖. การกำหนดให้   ผู้ชุมนุมจะต้องมีหนังสือแจ้งการชุมนุมก่อนเริ่มการชุมนุมไม่น้อยกว่ายี่สิบสี่ชั่วโมง กรณีที่แจ้งไม่ทันต้องมีหนังสือขอผ่อนผัน โดยเจ้าหน้าที่ของรัฐอาจมีคำสั่งให้แก้ไขหรือห้ามการชุมนุม ไม่สอดคล้องกับหลักการส่งเสริมและคุ้มครองเสรีภาพในการชุมนุมสาธารณะ
                              ๗. กรณีที่ผู้ชุมนุมไม่แจ้งการชุมนุม หรือไม่ได้รับการผ่อนผันหรือไม่เลิกการชุมนุมภายในระยะเวลาที่แจ้งโดยไม่แจ้งขอขยายระยะเวลา เจ้าพนักงานออกคำสั่งให้เลิกการชุมนุมได้นั้น ไม่เหมาะสม เพราะคำสั่งให้ยกเลิกการชุมนุมต้องเป็นกรณีที่การชุมนุมนั้นกระทบต่อความมั่นคงของชาติ ความปลอดภัย         การสาธารณสุข ศีลธรรมอันดีของประชาชน หรือการคุ้มครองสิทธิและเสรีภาพของบุคคลอื่นอย่างร้ายแรงเท่านั้น มิใช่เพราะเหตุไม่ได้แจ้งการชุมนุม
                              ๘. การกำหนดให้เจ้าพนักงานมีอำนาจจับ ค้น ยึด อายัด หรือรื้อถอนทรัพย์สินได้ขัดกับหลักการตามรัฐธรรมนูญฯ การใช้กำลังหรือเครื่องมือควบคุมฝูงชนควรกำหนดกรอบและขั้นตอน โดยคำนึงถึงหลักการได้สัดส่วนและพอควรแก่เหตุ ไม่ให้ใช้อาวุธปืนโดยเด็ดขาด และต้องฝึกอบรมเรื่องนี้โดยเฉพาะ
                              ๙. กรณียกเว้นความรับผิดของเจ้าพนักงานทั้งทางแพ่ง ทางอาญา และทางวินัยไม่สมควรบัญญัติไว้
                              ๑๐. กรณีเขตอำนาจศาลไม่ควรบัญญัติให้อยู่ภายใต้เขตอำนาจของศาลยุติธรรมหรือศาลใดศาลหนึ่งโดยเฉพาะ แต่ควรบัญญัติให้ข้อพิพาทขึ้นสู่ศาลตามลักษณะแห่งคดีนั้นๆ
                              ๑๑. กรณีบทกำหนดโทษควรใช้โทษทางปกครอง ไม่ใช่โทษอาญา ดังนั้น จึงไม่จำเป็นต้องเขียนบทกำหนดโทษไว้
                              ๑๒. บทบัญญัติบางมาตราไม่อาจปฏิบัติได้ เช่น ผู้จัดการชุมนุมต้องอยู่ร่วมการชุมนุมสาธารณะตลอดระยะเวลาในการชุมนุม
                              คณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ  ยังเห็นด้วยว่ารัฐควรมีกลไกรองรับการชุมนุมเพื่อแก้ไขปัญหาความเดือดร้อนของประชาชนก่อนที่การชุมนุมจะขยายตัว และองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นควรมีหน้าที่อำนวยความสะดวกและจัดสถานที่ในการชุมนุมสาธารณะ ไม่ควรบังคับใช้กฎหมายพิเศษด้านความมั่นคงควบคู่กับพระราชบัญญัติการชุมนุมสาธารณะฯ ทั้งนี้ การบังคับใช้ร่างพระราชบัญญัตินี้  รัฐไม่ควรแปลความ  จนทำให้การชุมนุมสาธารณะไม่อาจทำได้จริง ไม่เช่นนั้นจะเป็นการขัดต่อหลักการของรัฐธรรมนูญฯ ตามแนวคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญที่๑๑/๒๕๔๙ และไม่สอดคล้องกับกติการะหว่างประเทศว่าด้วยสิทธิพลเมืองและสิทธิทางการเมือง   ที่ประเทศไทยเป็นภาคีที่ต้องปฏิบัติตาม ทั้งนี้ คณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ ได้ส่งความเห็นดังกล่าวไปยัง   สภานิติบัญญัติแห่งชาติและคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาร่างพระราชบัญญัติการชุมนุมสาธารณะ พ.ศ. .... แล้ว
                              รายละเอียดรายงานผลการพิจารณาเพื่อเสนอแนะนโยบายหรือข้อเสนอในการปรับปรุงกฎหมาย  ในเรื่องนี้ฉบับเต็มสามารถเข้าชมได้ที่ www.nhrc.or.th
 

09/03/2558

เลื่อนขึ้นด้านบน