สำนักงานคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ ร่วมกับเครือข่ายสื่อภาคอีสาน เครือข่ายภาคประชาชน วัด และชุมชน จัดกิจกรรมเทศกาลหนังทุ่งกุลาเพื่อสร้างการรับรู้ต่อวัฒนธรรม วิถีชีวิตของพื้นที่ทุ่งกลา และความตระหนักต่อประเด็นสิทธิมนุษยชนในพื้นที่ทุ่งกุลา ณ วัดโพธิการาม ตำบลโพนสูง อำเภอปทุมรัตน์ จังหวัดร้อยเอ็ด

26/02/2567 1384
มื่อวันที่ 23 – 26 กุมภาพันธ์ 2567 สำนักงานคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ (สำนักงาน กสม.) โดยสำนักงาน กสม.พื้นที่ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ร่วมกับเครือข่ายประกอบด้วย วัดโพธิการาม อ.ปทุมรัตน์ จังหวัดร้อยเอ็ด วัดสระเกษ อำเภอเกษตรวิสัยจังหวัดร้อยเอ็ด พระสงฆ์นักสื่อสารอีสานบน มูลนิธิสังฆะเพื่อสังคม เครือข่ายคนฮักทุ่งกุลา เครือข่ายสื่อสาธารณะท้องถิ่น เพจทุ่งกุลาร้องไห้ ณ เกษตรวิสัย ไทอีสานพีบีเอส กาฬสินธุ์พีบีเอส PapaSlowly Film Studio, The Isaan Record, ลาวเด้อ, มหาวิทยาลัยมหาสารคาม มหาวิทยาลัยรามคำแหง, มหาวิทยาลัยกาฬสินธุ์, มูลนิธินิติธรรมสิ่งแวดล้อม, กองบรรณาธิการอยู่ดีมีแฮงออนไลน์ ไทยพีบีเอส, โอ้ละน้อ ครีเอชั่น และมูลนิธิสื่อสร้างสุข นำเยาวชน นิสิตสาขาวิชาการพัฒนาชุมชนและสังคม และคณะวิทยาการสารสนเทศ มหาวิทยาลัยมหาสารคาม พร้อมทั้งเยาวชนจากจังหวัดขอนแก่น และยโสธร ลงพื้นที่ทุ่งกุลา จังหวัดร้อยเอ็ด ซึ่งเป็นพื้นที่ซึ่งกำลังมีประเด็นสถานการณ์สิทธิมนุษยชนความขัดแย้งระหว่างวัฒนธรรม ความเป็นอยู่และสิ่งแวดล้อมของชาวบ้านในพื้นที่กับนโยบายการพัฒนาของรัฐ เพื่อฝึกอบรมเชิงปฏิบัติการเรียนรู้การสร้างภาพยนตร์และฉายภาพยนตร์กลางแปลงเพื่อมุ่งสร้างการเรียนรู้ให้เกิดความเปลี่ยนแปลงทางสังคม โดยได้รับการสนับสนุนสถานที่ใช้ในการฝึกอบรม ณ วัดโพธิการาม เทศบาลตำบลโพนสูง อำเภอปทุมรัตน์ จังหวัดร้อยเอ็ด โดยผู้แทนจากสำนักงาน กสม. พื้นที่ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ
ได้ร่วมในกิจกรรมเพื่อให้องค์ความรู้เกี่ยวกับการมีส่วนร่วมตามหลักการสิทธิมนุษยชนรวมทั้งสิทธิชุมชนและฐานทรัพยากร ซึ่งบุคคลและชุมชนมีสิทธิในการอนุรักษ์และฟื้นฟูศิลปะ วัฒนธรรม ขนบธรรมเนียม และจารีตประเพณีอันดีงามของท้องถิ่นและของชาติ และมีสิทธิในการมีส่วนร่วมในการบำรุงรักษาและการใช้ประโยชน์จากทรัพยากรธรรมชาติสิ่งแวดล้อม และความหลากหลายทางชีวภาพตามวิธีการที่กฎหมายกำหนด โดยได้บัญญัติไว้ในรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทยพุทธศักราช 2560 ในมาตรา 43 มาตรา 50 (มาตรา 57 และมาตรา 58 นอกจากนี้ยังได้นำเสนอเกี่ยวกับหลักการของสิทธิในสิ่งแวดล้อมที่ดี่อันเกี่ยวเนื่องกับสิทธิในอากาศสะอาดเพื่อสร้างความตระหนักรู้ถึงสิทธิและหน้าที่ให้แก่เยาวชนผู้เข้ารับการอบรม โดยสำนักงาน กสม. พื้นที่อีสานได้เข้าไปมีส่วนร่วมเพื่อให้ข้อเสนอแนะและมุมมองด้านสิทธิมนุษยชนในทุกกิจกรรม อันประกอบด้วย
1) การเสวนาสถานการณ์ในพื้นที่ ในหัวข้อ “ทุ่งกุลาร้องไห้จริงหรือ” 2) การแบ่งฐาน จำนวน 10 ฐาน เพื่อขยายการรับรู้ในด้านสถานการณ์สิทธิมนุษยชนและฐานทรัพยากร 3) การแบ่งกลุ่มปฏิบัติการเพื่อศึกษาเส้นเวลา (Timeline) ของประวัติศาสตร์ความเป็นมา 250 ปีในพื้นที่ทุ่งกุลา 4) การแบ่งกลุ่มลงพื้นที่ 11 พื้นที่เพื่อรับทราบข้อมูลเชิงลึกบริเวณชุมชนตำบลโพนสูง ตำบลโนนสวรรค์ อำเภอปทุมรัตน์ และบริเวณพื้นที่วัดสระเกศ ตำบลเกษตรวิสัย อำเภอเกษตรวิสัยจังหวัดร้อยเอ็ด
5) การฝึกเขียนบทภาพยนตร์ที่มุ่งเป้าไปที่การรับชมเพื่อการเปลี่ยนแปลงและสอดคล้องกับสถานการณ์สิทธิมนุษยชนในพื้นที่และการลงพื้นที่ 11 พื้นที่โดยรอบชุมชนในหลายตำบลเพื่อถ่ายทำภาพยนตร์และตัดต่อภาพยนตร์
.
จากนั้นได้มีการจัดฉายหนังกลางแปลง โดยมีการเปิดงานด้วยกิจกรรมพื้นบ้านประกอบด้วยการแสดงละครนิทานท้องถิ่นเพื่อสร้างความตระหนักต่อทรัพยากรโดยเด็กนักเรียนในพื้นที่ การแสดงหมอลำพื้นบ้าน การแสดงศิลปะการพากย์หนังกลางแปลงอีสาน และการฉายหนังที่เยาวชนได้สร้างขึ้นจำนวน 11 เรื่อง 11 ประเด็นได้แก่ 1) ประเด็นความเข้าใจต่อการรับมือโรคอุบัติใหม่ - โควิดทุ่งกุลา, 2) การอนุรักษ์ทรัพยากรอาหารท้องถิ่น พืช สัตว์ แมลง, 3) การพัฒนาที่ส่งผลต่อพื้นที่การทำปศุสัตว์ท้องถิ่น - วัวรีโมท, 4) การอนุรักษ์ทรัพยากรวิถียาสมุนไพรพื้นบ้าน, 5) การจัดการทรัพยากรในประเด็นภัยแล้ง, 6) การจัดการทรัพยากรในประเด็นภัยน้ำท่วม , 7) วิถีการหาอยู่หากินจับปลาตามธรรมชาติ, 8)การอนุรักษ์ป่าชุมชน, 9) เอกลักษณ์ข้าวหอมมะลิ GI , 10)การรักษาที่ดินเพื่อลูกหลาน , และ11) ฝุ่น PM 2.5
.
ทั้งนี้ กิจกรรมหนังทุ่งกุลา มีวัตถุประสงค์เพื่อสร้างผลิตและสร้างเครือข่ายนักสื่อสารในภูมิภาคอีสานให้มีพื้นที่ในการเล่าเรื่องเพื่อร่วมผลักดัน สร้างสรรค์และขับเคลื่อนวาระทางสังคมที่จะนำไปสู่การสร้างบรรยากาศและมุมมองใหม่เกี่ยวกับความเสมอภาคของผู้คนภาคอีสาน โดยนำเสนอผ่านการสร้างสรรค์และการเผยแพร่ภาพยนตร์สั้นที่ส่งเสริมมุมมองวัฒนธรรม วิถีชีวิตของพื้นที่ทุ่งกลา และความตระหนักต่อประเด็นสิทธิมนุษยชนในพื้นที่ทุ่งกุลาอย่างถูกต้อง โดยภายหลังการจัดกิจกรรมเทศกาลหนังทุ่งกุลาแล้วเสร็จ เครือข่ายผู้ร่วมจัดกิจกรรมได้มีการหารือเพื่อถอดบทเรียนกิจกรรมและการขยายผลไปสู่กิจกรรมอื่น ๆ เพื่อสร้างนักสื่อสารที่เป็นเยาวชนและผู้คนในพื้นที่ให้มากยิ่งขึ้นเพื่อให้สามารถนำเสนอประเด็นสถานการณ์สิทธิมนุษยชนได้อย่างทันท่วงที และสามารถสื่อสารเพื่อสร้างการเปลี่ยนแปลงได้อย่างยั่งยืน
เลื่อนขึ้นด้านบน