เมื่อวันที่ 18 กันยายน 2566 เวลา 09.15 น. นายวสันต์ ภัยหลีกลี้ กรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ เป็นประธานและกล่าวปาฐกถาพิเศษ หัวข้อ “หลักสิทธิมนุษยชนกับความท้าทายสังคมคนรุ่นใหม่” ในกิจกรรมอบรมเชิงปฏิบัติการเพื่อสร้างความรู้ประเด็นสิทธิมนุษยชนและสร้างการมีส่วนร่วม เพื่อพัฒนาศักยภาพแกนนำสภานักเรียน นักศึกษาสู่การเป็นนักยุวสิทธิมนุษยชน ผ่านทาง Video Conference ซึ่งจัดโดยเครือข่ายส่งเสริมศักยภาพเด็กและเยาวชน จังหวัดอุบลราชธานี ร่วมกับสถาบันยุวทัศน์แห่งประเทศไทย และองค์การแพลน อินเตอร์เนชั่นแนล (ประเทศไทย) ภายใต้การสนับสนุนงบประมาณจาก สหภาพยุโรป ณ วิทยาลัยเทคนิคนครอุบลราชธานี จังหวัดอุบลราชธานี

.

ภายใต้ความท้าทายของเด็กและเยาวชนคนรุ่นใหม่ กรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติได้กล่าวถึงความสำคัญในประเด็นเรื่องสิทธิมนุษยชนกับการสื่อสารในยุคดิจิทัล ทั้งในมิติการใช้ประโยชน์และผลกระทบที่เกิดขึ้น และความรุนแรงต่อเด็กเยาวชน คนรุ่นใหม่ โดยเด็กและเยาวชนสามารถเป็นส่วนหนึ่งในการร่วมยุติความรุนแรงในครอบครัวและในโรงเรียน ซึ่งถือเป็นก้าวแรกของการสร้างวัฒนธรรมการเคารพสิทธิมนุษยชนในสังคม ทั้งนี้ กิจกรรมดังกล่าวเป็นผลสืบเนื่องจากความร่วมมือระหว่างสำนักงานคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ (สำนักงาน กสม.) กับสถาบันยุวทัศน์แห่งประเทศไทย ที่ได้จัดกิจกรรมอบรมและพัฒนาศักยภาพเด็กและเยาวชนและเครือข่ายเยาวชนเกี่ยวกับสิทธิพลเมืองและสิทธิทางประชาธิปไตย ครั้งที่ 3 (ภาคอีสาน) เมื่อเดือนมิถุนายน 2566 ที่ผ่านมา ซึ่งกิจกรรมในครั้งนั้น สถาบันยุวทัศน์แห่งประเทศไทย และองค์การแพลน อินเตอร์เนชั่นแนล ประเทศไทย ได้สนับสนุนงบประมาณในการดำเนินงานขับเคลื่อนสิทธิมนุษยชนในพื้นที่ภาคอีสานให้แก่เครือข่ายส่งเสริมศักยภาพเด็กและเยาวชน จังหวัดอุบลราชธานี พร้อมทั้งได้จัดมีพิธีลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือ (MOU) ระหว่างสถานศึกษาจำนวน 5 แห่ง อีกด้วย

.

ในการจัดกิจกรรมดังกล่าวสำนักงาน กสม. ได้มอบหมายให้นายสุเรนทร์ ปะดุกา ผู้อำนวยการสำนักงาน กสม. พื้นที่ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ นายฐิติวัฒน์ สายวร นักวิชาการสิทธิมนุษยชนชำนาญการ และนายชาคริต ร่วมทวี นักวิชาการสิทธิมนุษยชนปฏิบัติการ ร่วมเป็นวิทยากรให้ความรู้แก่แกนนำสภานักเรียน นักศึกษา ในประเด็นที่เกี่ยวข้องกับสิทธิมนุษยชนและสิทธิเด็ก จำนวน 5 โรงเรียน ได้แก่ วิทยาลัยเทคนิคนครอุบลราชธานี โรงเรียนลือคำหาญวารินชำราบ โรงเรียนบ้านบุ่งหวาย โรงเรียนบ้านโพธิ์ศรี และโรงเรียนบ้านแฮหนามแท่ง เพื่อนำไปใช้ในการขับเคลื่อนงานด้านสิทธิมนุษยชนในพื้นที่ภาคตะวันออกเฉียงเหนือต่อไป