กสม. ประชุมร่วมคณะนิติศาสตร์ มข. องค์กรภาคประชาสังคม และสำนักงานยุติธรรม จ.ขอนแก่น วางแนวทางขับเคลื่อนเรื่องสิทธิมนุษยชนในพื้นที่ภาคอีสาน

07/09/2566 840

          เมื่อวันที่ 6 กันยายน 2566 เวลา 14.00 น. ที่ห้องประชุมสำนักงานคณบดี คณะนิติศาสตร์  มหาวิทยาลัยขอนแก่น นางสาวศยามล ไกยูรวงศ์ และนางสาวสุภัทรา นาคะผิว กรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ พร้อมด้วยนายชนินทร์  เกตุปราชญ์ รองเลขาธิการคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ ผู้บริหารและเจ้าหน้าที่สำนักงานคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติพื้นที่ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ประชุมหารือร่วมกับรองศาสตราจารย์วนิดา  แสงสารพันธ์ คณบดีคณะนิติศาสตร์  มหาวิทยาลัยขอนแก่น นายสุวิทย์ กุหลาบวงศ์ นายกสมาคมส่งเสริมสิทธิมนุษยชนและสิ่งแวดล้อม นางศิริพรน้อยนิล ผู้อำนวยการสำนักงานยุติธรรมจังหวัดขอนแก่น  พร้อมด้วยคณาจารย์และเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้อง ถึงแนวทางการทำงานร่วมกันในมิติการคุ้มครอง ส่งเสริม รวมถึงการเฝ้าระวังสถานการณ์สิทธิมนุษยชน

          ในการนี้ ที่ประชุมได้แลกเปลี่ยนประสบการณ์และทิศทางการทำงานด้านสิทธิมนุษยชนในปัจจุบันร่วมกัน โดยคณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยขอนแก่น มีจุดเด่นในการบ่มเพาะนักศึกษาผ่านการเรียนรู้สิทธิมนุษยชนในพื้นที่จริง รวมถึงการให้คำปรึกษาและประสานงานการช่วยเหลือด้านกฎหมายและสิทธิมนุษยชนให้แก่ประชาชนอย่างต่อเนื่อง โดยจะมีการจัดตั้งศูนย์การเรียนรู้สิทธิมนุษยชนและการพัฒนาที่ยั่งยืนขึ้นเพื่อเป็นกลไกดำเนินงานเพิ่มเติมด้วย ส่วนสำนักงานยุติธรรมจังหวัดขอนแก่น มีการให้การช่วยเหลือประชาชนตามพระราชบัญญัติค่าตอบแทนผู้เสียหาย และค่าทดแทนและค่าใช้จ่ายแก่จำเลยในคดีอาญาและกองทุนยุติธรรม โดยมีศูนย์ยุติธรรมชุมชน 224 แห่ง ดำเนินการในกลุ่มจังหวัดขอนแก่น ร้อยเอ็ด มหาสารคาม และกาฬสินธุ์

          ที่ประชุมเห็นพ้องในการร่วมกันขับเคลื่อนการส่งเสริมสิทธิมนุษยชนในหลายประเด็น เช่น การจัดทำหลักสูตรและเครื่องมือเพื่อการส่งเสริมสิทธิมนุษยชน การจัดทำ Mapping สถานการณ์สิทธิจากประเด็นงานวิจัยในพื้นที่ การปลูกฝังเยาวชนผ่านการเรียนรู้เรื่องสิทธิมนุษยชนจากสถานการณ์จริงในพื้นที่ การประชุมเวทีเยาวชนสิทธิมนุษยชนในระดับภูมิภาคและระดับประเทศ การมอบรางวัลด้านสิทธิมนุษยชนแก่บุคคลและหน่วยงานในระดับพื้นที่และภูมิภาค  การสร้างกลไกการคุ้มครองสิทธิมนุษยชนร่วมกันแบบ One Stop Service เป็นต้น

          ทั้งนี้ เพื่อให้เกิดความชัดเจนในการทำงาน จะมีการตั้งคณะทำงานร่วมกันเพื่อจัดทำแผนปฏิบัติงานโครงการสิทธิมนุษยชนที่จะสามารถดำเนินงานร่วมกันได้อย่างต่อเนื่อง

เลื่อนขึ้นด้านบน