แถลงการณ์คณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ เรื่อง กรณีการลงประชามติให้ย้ายสถานดูแลผู้ติดเชื้อเอชไอวีออกจากหมู่บ้าน

19/12/2557 126

 

                   ตามที่ปรากฏเป็นข่าวทางสื่อมวลชนว่า ได้มีการทำประชามติของหมู่บ้านชาวชุมชนหลังเนิน หมู่ที่ ๓ ตำบลหนองปรือ อำเภอบางละมุง จังหวัดชลบุรี  ต้องการให้มูลนิธิกระท่อมพระสิริ ซึ่งเป็น ศูนย์ดูแลผู้ติดเชื้อเอชไอวี มีผู้ติดเชื้ออยู่ประมาณ ๔๐ คน  ย้ายที่ตั้งศูนย์ออกจากชุมชนดังกล่าวไปอยู่พื้นที่อื่น  เนื่องจากเกรงจะมีปัญหาส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจของชุมชน โดยเสียงของประชามติไม่ต้องการให้ผู้ติดเชื้ออยู่ร่วมในชุมชนหลังเนินต่อไป นั้น
                   คณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ ซึ่งมีหน้าที่ในการปกป้อง คุ้มครอง ส่งเสริม การเคารพและปฏิบัติตามหลักสิทธิมนุษยชน ได้ติดตามข่าวเรื่องนี้ และลงพื้นที่ไปตรวจสอบข้อเท็จจริงเบื้องต้นแล้ว  เห็นว่า สาเหตุประการสำคัญที่ทำให้ประชาชนมีความรู้สึกหวาดกลัวผู้ติดเชื้อเอชไอวี   เนื่องจากประชาชนส่วนหนึ่งยังขาดความรู้ ความเข้าใจที่ถูกต้องเกี่ยวกับการแพร่กระจายของเชื้อเอชไอวี และการใช้ชีวิตอยู่ร่วมกันในสังคมอย่างปกติสุขซึ่งอาจนำไปสู่การกระทำที่เป็นการกระทบสิทธิมนุษยชน  คณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติมีข้อห่วงใยและข้อกังวลต่อสถานการณ์ดังกล่าวที่เกิดขึ้น  ดังนั้น  สิ่งที่ควรเร่งรีบดำเนินการในขณะนี้ คือ รัฐบาล หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ทั้งภาครัฐ  ภาคเอกชน  และประชาชนทุกฝ่าย  ต้องร่วมมือกันส่งเสริม ปกป้อง และคุ้มครองสิทธิมนุษยชนของผู้ติดเชื้อเอชไอวี  บนพื้นฐานของความเข้าใจ และเคารพสิทธิมนุษยชนของกันและกัน  จึงขอเรียกร้องและมีข้อเสนอให้ดำเนินการโดยมีมาตรการเร่งด่วน  และมาตรการระยะยาว ดังนี้
                   (๑) มาตรการเร่งด่วน  ขอให้รัฐบาล และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งดำเนินการให้ข้อมูลกับประชาชนเพื่อให้เกิดความรู้  ความเข้าใจที่ถูกต้อง  เกี่ยวกับการแพร่กระจายของเชื้อเอชไอวี  และการใช้ชีวิตอยู่ร่วมกับผู้ติดเชื้อดังกล่าวได้อย่างปกติสุข โดยไม่ต้องอยู่ในภาวะวิตกกังวลใด ๆ เพราะปัจจุบัน
การพัฒนาด้านการสาธารณสุข และเทคโนโลยีทางการแพทย์ มีความก้าวหน้าเป็นอย่างมากในการป้องกันและการดูแลรักษาผู้ติดเชื้อ  หากได้ปฏิบัติตามข้อแนะนำของเจ้าหน้าที่ด้านการแพทย์ และสาธารณสุข 
ทุกคนจะสามารถดำเนินตามวิถีชีวิตของตนได้อย่างปกติ และอยู่ร่วมในสังคมเดียวกันได้อย่างมีความสุข
เป็นอันหนึ่งอันเดียวกันตลอดไป
                   (๒) มาตรการระยะยาว  ขอให้รัฐบาลและหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง  กำหนดนโยบาย วางแผนงาน  จัดงบประมาณ  และสถานที่ที่เหมาะสมในการบริหารจัดการ ดูแล รวมถึงจัดระบบการอำนวยความสะดวก ด้านสาธารณสุข ด้านสุขภาวะ และการสุขาภิบาล ให้แก่ประชาชน โดยเฉพาะอย่างยิ่งผู้อยู่ในพื้นที่ห่างไกล  องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ควรต้องมีบทบาทหน้าที่ เพื่อให้ชุมชนได้รับบริการอย่างถูกสุขลักษณะ สามารถเข้าถึงสวัสดิการของรัฐได้อย่างทั่วถึง
                   (๓) สำหรับประชาชนทั่วไป  ขอเชิญชวนให้เข้ามีส่วนร่วมกับหน่วยงานภาครัฐ
องค์กรอาสาสมัครต่าง ๆ ของภาคเอกชน และชุมชนภาคประชาสังคม  ในการแสวงหาความรู้ ความเข้าใจ  และยึดมั่นคำนึงถึงศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์โดยไม่ตั้งข้อรังเกียจ  หรือเลือกปฏิบัติ  เพราะเหตุผลด้านสภาพทางกาย หรือสุขภาพอนามัยในทุกกรณี  ทั้งนี้  เพื่อให้เกิดวัฒนธรรมที่มีความเอื้ออาทร ต่อกันและกันในสังคมไทยอย่างยั่งยืนต่อไป
                   คณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ  ขอวิงวอนให้ทุกฝ่าย  ทุกภาคส่วน  ได้มีบทบาทร่วมกันปฏิบัติตามแนวทางข้างต้น  โดยยึดมั่นแน่วแน่ตามหลักการสิทธิมนุษยชน  ทั้งนี้ หากผู้ใดพบเห็น หรือผู้ใดถูกละเมิดสิทธิมนุษยชน  สามารถแจ้งรายละเอียด หรือร้องเรียนไปยังคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติได้ตลอดเวลาทาง สายด่วน ๑๓๗๗  เพื่อรีบดำเนินการพิจารณา ตรวจสอบ แก้ไขเยียวยา และปกป้องคุ้มครอง ด้านสิทธิมนุษยชนต่อไป
คณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ
 

 

19/12/2557
เลื่อนขึ้นด้านบน